การปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) ศึกษาระดับการปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด 2) เปรียบเทียบการปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษาและตำแหน่ง และ 3) เสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ประชากรได้แก่ บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 250 คนกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ดจำนวน 152 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับมีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ 0.67-1.00 และมีความเชื่อมั่นเท่ากับ .94
ผลการวิจัยพบว่า
1. ระดับการปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านโดยเรียงจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปต่ำ ได้แก่ ด้านการปฏิบัติต่อหน้าที่ รองลงมา ด้านการปฏิบัติต่อความรับผิดชอบ ด้านการปฏิบัติต่อตน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ด้านการปฏิบัติต่อบทบาท
2. ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นที่มีต่อการปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษาโดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน จำแนกตามตำแหน่ง ด้านการปฏิบัติต่อตน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
3. ข้อเสนอแนะการปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ดที่สำคัญ ได้แก่ บุคลากรควรรักษาเวลา ข้าราชการต้องอุทิศเวลา
ในการปฏิบัติงาน ปฏิบัติต่อหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่ รักษาความลับของทางราชการตามระเบียบ/ข้อบังคับและคำสั่ง ตลอดจนจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
พระธีรเดช ธีรเตโช. (2561). การปฏิบัติงานตามหลักอปริหานิยธรรมของบุคลากรเทศบาลในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา. วารสารปรัชญาปริทรรศน์, 23(2), 109-116.
พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต). (2541). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ (ฉบับประมวลธรรม). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). (2546). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2559). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติมช่วงที่ 1). (พิมพ์ครั้งที่ 27). กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พุทธทาสภิกขุ . (2543). ค่ายธรรมบุตร. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ธรรมทานมูลนิธิ.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์. (2541). การจัดการทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สงวน สุทธิเลิศอรุณ. (2536). จิตวิทยาสังคมศึกษา 122. กรุงเทพฯ: อักษรบัณฑิต.
อนุวัฒน์ ศรีษะเกษ. (2563). การประยุกต์ใช้หลักอปริหานิยธรรม 7 เพื่อการทำงานกรณีศึกษาอำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน, 1(2), 67-84.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Kubheka, S., & Naidoo D. (2021). BizTrends2 021: 4 trends in employee skills development and training you need to know for 2021. Retrieved from: https://www.bizcommunity.com/Article/196/722/212233.html