“แนวกันชน” ห้วยขาแข้ง : การปฏิบัติของภาครัฐที่ไม่คงเส้นคงวากับตัวแบบที่กดทับชุมชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
ผลการวิจัย พบว่า
แนวกันชนห้วยขาแข้งได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงสำคัญในสามช่วงเวลา ได้แก่ 1. ช่วงเริ่มต้น (พ.ศ. 2532-2546) แนวกันชนถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่กันชนระหว่างเขตป่าและชุมชน มีบทบาทในการรักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการดำรงชีวิตของชุมชน โดยทำหน้าที่เป็นพื้นที่เชื่อมโยงที่สำคัญ 2. การเปลี่ยนแปลงเชิงสัญลักษณ์ (ก่อนปี พ.ศ.2546) แนวกันชนเริ่มถูกนิยามใหม่ในเชิงสัญลักษณ์ด้วยการกั้นรั้วลวดหนามตลอดแนว แม้ชาวบ้านจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปใช้พื้นที่ได้ แต่ต้องทำอย่างลับ ๆ ผ่านการมุดรั้วลวดหนาม ถือเป็นการยอมรับอย่างไม่เป็นทางการจากรัฐ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2557 รัฐได้ประกาศนโยบายทวงคืนผืนป่า และดำเนินการผนวกพื้นที่แนวกันชนเข้าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 3. การสูญเสียบทบาท (ภายหลังปี พ.ศ. 2557)
แนวกันชนสูญเสียความหมายดั้งเดิมไป เหลือเพียงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่ขยายเข้ามาในเขตป่าสงวนที่เคยเป็นแนวกันชน ส่งผลให้แนวกันชนไม่สามารถดำรงบทบาทในการเป็นพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างชุมชนและป่าได้อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนถึงการสูญเสียบทบาทของแนวกันชนห้วยขาแข้งจากพื้นที่ที่เคยเชื่อมโยงระหว่างชุมชนและการอนุรักษ์ กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกควบคุมโดยรัฐ และไม่มีความหมายในเชิงปฏิบัติอีกต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2556). หาดในประเทศไทย. https://km.dmcr.go.th/c_53/d_8853
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2556). พื้นที่สงวนชีวมณฑล. https://km.dmcr.go.th/c_61/s_71/d_2343
กรมป่าไม้. (ม.ป.ป.). การเพิ่มพื้นที่ป่าไม้/พื้นที่สีเขียว Buffer Zone/ป่าแนวกันชน. https://www.forest.go.th/gov/wp-content/uploads/sites/75/2016/09/26-8-59.pdf
คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2563). ร่างหลักเกณฑ์การจัดทำแผนการ บริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติ. โครงการจัดทำร่างนโยบายการจัดการอุทยานแห่งชาติและหลักเกณฑ์การจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 เสนอต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.
ชลธิชา กำลังทรัพย์. (2554). แนวทางการฟื้นฟูนิเวศภูมิทัศน์ป่าไม้ในพื้นที่แนวกันชน: กรณีศึกษาพื้นที่แนวกันชนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ. (การค้นคว้าอิสระ). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ทรงธรรม สุขสว่าง และ คมกริช เศรษบุบผา. (ม.ป.ป.). การดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วม ผ่านกลไกคณะกรรมการที่ปรึกษาพื้นที่คุ้มครองในประเทศไทย. ภายใต้ความร่วมมือของรัฐบาลไทย โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกและโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ.
ผู้นำชุมชนท่านหนึ่ง. (2562, 24 มกราคม). “แนวกันชน” ห้วยขาแข้ง: โจทย์ท้าทายการ อยู่ร่วมกันของรัฐ ชุมชน และป่า. (ปริญญา นิกรกุล, ผู้สัมภาษณ์).
ข้าราชการท่านหนึ่ง. (2562, 7 มิถุนายน). “แนวกันชน” ห้วยขาแข้ง: โจทย์ท้าทายการอยู่ ร่วมกันของรัฐ ชุมชน และป่า. (นายปริญญา นิกรกุล, ผู้สัมภาษณ์).
นิตยสารสารคดี. (2563). รำลึก 30 ปีสืบนาคะเสถียร. สารคดี, 36(426), 1-156.
ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ห้วยทับเสลา และป่าห้วยคอกควาย ในท้องที่ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2566. (2566, 26 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา, 140(ตอนพิเศษ 97 ง), 3.
ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (2565, 23 มิถุนายน). พื้นที่เตรียมการกำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา-ห้วยระบำ (เพิ่มเติม) ในท้องที่ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2565.
ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (2563, 16 มิถุนายน). พื้นที่เตรียมการกำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา-ห้วยระบำ ในท้องที่ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2565.
ปิยาพรรณ ยังเทียน / สวท. (2561). กรมอุทยานฯ เร่งจัดการพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ในผืนป่าภูเขียวเน้นการมีส่วนร่วมกับชุมชนอนุรักษ์ป่าภูเขียว. เข้าถึงได้จาก https://thainews.prd.go.th/th/news/print_news/WNEVN6102040020001
พิเศษ เสนาวงษ์, พิพัฒน์ นวลอนันต์, และ สุธาทิพย์ ชวนเวสสกุล. (2546). การประยุกต์ใช้สารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อกำหนดแนวกันชนในการป้องกันและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก. วารสารภูมิศาสตร์, 28(2), 71-87.
วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ และคณะ. (2550). การจัดการพื้นที่กันชนในประเทศไทย. (รายงานการวิจัย). สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
สืบ นาคะเสถียร, & Stewart-Cox, B. (2533). การเสนอชื่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้งเพื่อเข้าร่วมเป็นมรดกโลกกับ U.N.E.S.C.O. สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้.
อุทิศ กุฏอินทร์, และคณะ. (2532). แผนการจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดตาก (พ.ศ. 2533-2537). (รายงานการวิจัย). กรมป่าไม้.
แอล บรูซ เคคูลี. (2554). สายนทีแห่งพงไพร. พงษ์วรินการพิมพ์ จำกัด.
Arthur Ebregt, & Pol De Greve, International Agricultural Centre. (2000). Policy and best practices for terrestrial ecosystems in developing countries. October 11-15.
Berkmuller, K., & MukherJee, S. (1989). Buffer zones in the service of ecodevelopment. Tigerpaper, July-September 1989.
Ebregt, A., & De Greve, P. (2000). Policy and best practices for terrestrial ecosystems in developing countries. International Agricultural Centre, October 2000 (pp. 11-15).
Gilmour, D. A., & Nguyen Van San. (1999). Buffer zone management in Vietnam. IUCN - The World Conservation Union - Vietnam Programme (pp. 6-8).
Hall, J. B., & Rodgers, W. A. (1992). Rural development forestry network. Network Paper 13a, Summer 1992, pp. 5-13.
IUCN. (2011). Environmental law centre. Bonn, Germany (pp. 23-25). Gland, Switzerland.
MacKinnon, J. (1981). Guidelines for the development of conservation buffer zones and enclaves. Nature Conservation Workshop PPA/WWF/FAO, Bogor, Indonesia.
Oldfield, S. (1988). The IUCN Tropical Forest Programme: Buffer zone management in tropical moist forests: Case studies and guidelines. International Union for Conservation of Nature and Natural Resources, 1-6.
Sayer, J. (1991). Rainforest buffer zones: Guidelines for protected area managers. IUCN- The World Conservation Union Forest Conservation Programme.
UN WCMC. (n.d.). Buffer zones. Biodiversity a-z. Retrieved from https://www.unep-wcmc.org/ (pp. 1-5).
UNESCO World Heritage Centre. (2008). World heritage and buffer zones: Patrimoine mondial et zones tampons. International Expert Meeting on World Heritage and Buffer Zones, Davos, Switzerland, 11-14 March 2008 (pp. 54-57).