การจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในจังหวัดลำปาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ได้รับการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดลำปาง 2) ศึกษาเจตคติของผู้เรียนที่ได้รับการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบการทดลองขั้นพื้นฐาน แบบ One-Group Post-Test Only Design กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดลำปางที่สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนประมาณ 25-30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนที่กำลังศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดลำปาง 2) แบบประเมินทักษะในศตวรรษที่ 21 ทักษะย่อยคือ 1) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหา 2) ทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ และ 3) ทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม และ 3) แบบประเมินเจตคติของผู้เรียนเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลการศึกษาทักษะในศตวรรษที่ 21 การจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดลำปาง ภาพรวมพบว่า ค่าเฉลี่ยมีค่าเท่ากับ 4.45 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 0.53 อยู่ในระดับมาก 2) ผลเจตคติของผู้เรียนที่ได้รับการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาภาครวมค่าเฉลี่ย มีค่าเท่ากับ 4.37 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.83 อยู่ในระดับมาก
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กมลฉัตร กล่อมอิ่ม. (2559). การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสะเต็มศึกษาสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 18(4): 334-349.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2550). การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
กาญจนา จินดานิล, สิริพร พงศ์หิรัญสกุล, และพัชรี ฉลาดธัญกิจ. (2565). การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. วารสารวิจัยวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. 6(3): 187-199.
จิตรา พลสุธรรม, และชลาธิป สมาหิโต. (2560). การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อความหมายของเด็กปฐมวัย. วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์. 30(1): 117-123.
นุจรีย์ บูรณศิล. (2563). การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการประกอบอาหาร เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย. วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 3(7): 38-53.
นัยนา ดอรมาน, ประสาร มาลากุล ณ อยุธยา, และผ่องพรรณ เกิดพิทักษ์. (2563, กรกฎาคม-ธันวาคม). การเรียนรู้เชิงประสบการณ์และการสะท้อนคิดเชิงวิพากษ์. วารสารจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต. 10(2): 20-28.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
พรทิพย์ ศิริภัทราชัย. (2556). STEM Education กับการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. วารสารนักบริหาร. 33(2): 49-55.
วิไล ธรรมวาจา, และสมศิริ สิงห์ลพ. (2567). 3-ACTIVE: แนวทางการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. 12(2): 1-13.
สาวิทย์ แก้วโมลา, และอังคณา อ่อนธานี. (2566). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ผ่านทฤษฎีการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ร่วมกับการเป็นผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการพูดภาษาจีน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. Journal of Roi Kaensarn Academi. 8(7): 332-347.
สมพร รุ่งเรืองกลกิจ, เทวธิดา ขันคามโภชก์, ยศวีร์ อิ่มอโนทัย, และโสภา อ่อนโอภาส. (2564). การเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์: พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. 12(1): 89-110.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2558). คู่มือจัดกิจกรรมสะเต็มศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของ สกสค.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2559). ความรู้เบื้องต้นสะเต็มศึกษา. สืบค้นเมื่อ 24 เมษายน 2568,จาก https://www.scimath.org/stem.
สง่า วงค์ไชย. (2564). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. วารสารวิชาการ The New Viridian Journal of Arts, Humanities and Social Sciences. 1(1): 33-46.
อรทัย รุ่งวชิรา, เศวตาภรณ์ ตั้งวันเจริญ, และกาญจนา เกียรติกานนท์. (2564). การจัดการเรียนนรู้ในโลกยุคใหม่เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะคนยุคใหม่. วารสารครุทรรศน์ (Online). 1(1): 97-106.
อนุศาสน์ ตาเสน, และคณะ. (2567). การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ผ่านจักรวาลนฤมิตด้วยการคิดเชิงออกแบบเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกร. Journal of Roi Kaensarn Academi. 9(9): 18-34.
Adams, M. (2007). Pedagogical frameworks for social justice education. In Teaching for diversity and social justice. Teaching for diversity and social justice, edited by A. Maurianne Bell, B Lee, and P. Griffin. New York: Taylor & Francis Group.
Beard, C., & Wilson, P. J. (2013). Experiential learning: A handbook for education, training and coaching. New Delhi: Kogan Page.
Clapper, T. C. (2010). Creating the safe learning environment [internet]. Paial Newsletter. 3(2). [cited 2025 May 15]. Available from https://www.researchgate.net/publication/257835881 Creating the safe learning environment.
Dewey, J. (1975). Experience & education. New Jersey: Littlefield, Adam & Co.
Dewey, J. (2005). How we think: a restatement of the relation of reflective thinking and the educational process. New York: D. C. Heath.
Kisfalvi, V., & Oliver, D. (2015). “Creating and maintain a safe space in experiential Learning”. Journal of Management Education. 39(6): 713-740.
Kolb, D. A. (2005). Experiential learning: Experience as the source of learning and development. Englewood Cliffs, N.J.: Prentice-Hall.
Kolb, A. D. (2015). Experiential learning: Experience as the source of learning and development. New Jersey: Pearson.
Lewin. (2005). Lewis, A., & Smith, D. (1993). Defining higher order thinking. Theory into Practice. 32(3): 131-137.
Panich, W. (2012). The way to enhance learning for student in the 21st century (วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21). Bangkok: Sodsri-Saritwong Foundation.