การสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณในระดับอุดมศึกษาไทย: สภาพปัจจุบันและแนวทางการสอน

Main Article Content

สุชาดา ตั้งศิรินทร์
พิณพนธ์ คงวิจิตต์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพปัจจุบันในการสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาระดับปริญญาตรี 2) วิเคราะห์แนวทางการจัดการเรียนรู้การฟังอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาจารย์ผู้สอนด้านการฟังอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งได้มาด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 5 คน และ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามวิธีการของเครจซี่และมอร์แกน และใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย ด้วยการจับสลากกลุ่มเรียน จำนวน 5 กลุ่มเรียน รวมนักศึกษาทั้งสิ้น จำนวน 150 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา และผลการวิจัยพบว่า


            1) สภาพปัจจุบันในการสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาปริญญาตรี สามารถสรุปผลการวิเคราะห์ได้ 2 ประเด็นใหญ่ คือ ประเด็นที่ 1 สภาพปัจจุบันในการสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณ ได้แก่ ข้อ 1 ผู้สอนจัดการเรียนรู้ที่เน้นส่งเสริมปัจจัยภายในผู้เรียน ข้อ 2 ผู้สอนจัดการเรียนรู้ที่เน้นพัฒนาปัจจัยภายนอกตัวผู้เรียน ประเด็นที่ 2 ปัญหาการสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณ ได้แก่ ข้อ 1 ปัญหาจากปัจจัยด้านผู้สอน และข้อ 2 ปัญหาจากปัจจัยด้านผู้เรียน 2) แนวทางการสอนการฟังอย่างมีวิจารณญาณ สามารถสรุปผลได้ 4 แนวทาง ได้แก่  ข้อ 1 จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสมาธิและความจดจ่อในขณะฝึกฝนการฟังอย่างมีวิจารณญาณ ข้อ 2 ออกแบบการจัดกิจกรรมการสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณให้เป็นระบบด้วยการกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติที่เป็นลำดับขั้นอย่างชัดเจน ข้อ 3 พัฒนาองค์ประกอบพื้นฐานในการสอนที่ช่วยส่งเสริมความจดจ่อในการฟัง และข้อ 4 ออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับคำแนะนำป้อนกลับในระหว่างฝึกฟังอย่างมีวิจารณญาณ


 

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ตั้งศิรินทร์ ส. ., & คงวิจิตต์ พ. . (2025). การสอนฟังอย่างมีวิจารณญาณในระดับอุดมศึกษาไทย: สภาพปัจจุบันและแนวทางการสอน. วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 8(3), 233–246. https://doi.org/10.2774.EDU2025.3.280918
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา ต้นโพธิ์. (2563). ศิลปะการฟังเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

กิตติพงษ์ พิพิธกุล. (2561). คุณภาพเครื่องมือแบบสอบถาม: Validity กับ Reliability ในการวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์. วารสารวิชาการและวิจัยมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 8(2): 104-110.

กุสาวดี สนธิสุวรรณ. (2546). การศึกษาผลสัมฤทธิ์การฟังอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 4 MAT กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามคู่มือครู. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการวิชาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.

จำเนียร จวงตระกูล และนวัสนันท์ วงศ์ประสิทธิ์. 2019. การวิเคราะห์เนื้อหาในการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพ. PAAT Journal, 2(2): 1-14.

จุไรรัตน์ ลักษณศิริ. (2543). ภาษากับการสื่อสาร (ฉบับปรับปรุง) บรรณาธิการ. พิมพ์ครั้งที่ 6. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2553). เทคนิคการสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: ศรีอนันต์การพิมพ์.

ประพนธ์ เรืองณรงค์ และคณะ. (2545). กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช่วงชั้นที่ 4. กรุงเทพฯ: ประสานมิตร.

พระเมธีธรรมาจารย์, พระมหานิกร ฐานุตฺตโร, ประสิทธิ์ พุทธศาสน์ศรัทธา และพงษ์พัฒน์ จิตตานุรักษ์. (2563). บทวิจารณ์หนังสือ-book review ศิลปะการฟังเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต Art of listening improving life of quality. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 9(3): 344-356.

พิสณุ ฟองศรี. (2552). วิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ด่านสุทธาการพิมพ์.

ไพฑูรย์ ศรีสุขา. (2565). การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ. เข้าถึงเมื่อ 25 มิถุนายน 2565. เข้าถึงจาก https://sites.google.com/a/nonghanwit.ac.th/khrukhi-fd-classroom/hxngreiyn-phasa-thiy/wicha-phun-than/phasa-thiy-phun-than-m-5/hlak-phasa-thiy-m-5/kar-fang-laea-du-xyang-mi-wi-can-yan

ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2540). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

มารุต พัฒผล. (2563). การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 12(1): 1-16.

ยุพา ส่งศิริ. (2525). สุ.จิ.ปุ.ลิ. ภาษาไทย. เอกสารการนิเทศการศึกษาฉบับที่ 223. กรุงเทพฯ: หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมการฝึกหัดครู.

วรรณี โสมประยูร. (2537). การสอนภาษาไทยระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.

วันวิสาห์ ปัญญาจิรวุฒิ. (2551). การพัฒนาแบบฝึกการฟังอย่างมีวิจารณญาณสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สนิท ตั้งทวี. (2529). ศิลปะการสอนภาษาไทยระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนพานิช.

สวนิต ยมาภัย. (2527). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. (2564). กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2564. กรุงเทพฯ: สป.อว.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ: ศศช. (2566). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570). กรุงเทพฯ: สศช.

สุรางค์ อาจณรงค์. (2551). การสร้างแบบฝึกทักษะการฟังอย่างมีวิจารณญาณสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวุฒิชัยวิทยา จังหวัดปัตตานี. ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

เสาวลักษณ์ เมฆแดง. (2555). การพัฒนาแบบฝึกการฟังอย่างมีวิจารณญาณสำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.

อภิชญา ฤๅชัย. (2560). การฟังเชิงพุทธ: สันติวิธีเริ่มต้นที่ตัวเราเอง. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 3(2): 138-154.

Arono, D. (2015). The Relationship Between Listening Strategy Performance and Critical Listening Ability of Indonesian Students. AI-Ta’lim Journal, 22(1): 81-87.

Dekker, K. (2018). Effective learning methods: the importance of formative feedback. Accessed December 23, 2022. Available from https://www.studiosity.com/blog/effective-learning-methods-the-importance-of-formative-feedback

Erkek, G. and Batur, Z. (2020). A Comparative Study on Critical Thinking in Education. International Journal of Education & Literacy Studies, 8(1): 142-151.

Erkek, G.T. and Batur, Z. (2019). Activity Suggestions for Improving Critical Listening Skills. Educational Research and Reviews, 14(17): 639-646.

Erlingsson, C., & Brysiewicz, P. (2017). A hands-on guide to doing content analysis. African Journal of Emergency Medicine, 7(3): 93-99.

Hsieh, H-F., & Shannon, S.E. (2005). Three Approaches to Qualitative Content Analysis. Qualitative Health Research, 15(9): 1277-1288.

Irons, A. (2008). Enhancing Learning through Formative Assessment and Feedback. New York: the Taylor & Francis e-library.

Kazu, H. and Demiralp, D. (2017). Comparison of Critical Listening Proficiency of Teacher Candidates in Terms of Several Variables. Eurasian Journal of Educational Research, 68(1): 81-95.

Krejecie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3): 607-610.

Lucas, S. E. (2020). The art of public speaking. (13rd ed.). United States of America: McGraw-Hill.

Mansi, G.K.A. (2018). Effectiveness of Using Flipped Learning Strategy in developing Critical Listening Skills of Jordanian Tenth Grade Female Students and their Attitudes towards it. The International Journal for Talent Development, 9(16): 77-95.

Muhammad, A.M. (2018). Critical Thinking, Reading and Listening Skills. Science Arena Publications Specialty Journal of Knowledge Management, 3(3): 1-9.

Ninivaggi, F.J. (2019). Learned Mindfulness: Physician Engagement and M.D. Wellness. London: Academic press.

Pellegrino, J.W., Chudowsky, N., and Glaser, R. (2001). Knowing what Students Know-The Science and Design of Educational Assessment. Washington D.C.: National Academic Press.

Purdy, M., and Borisoff, D. (1997). Listening in Everyday Life: A Personal and Professional Approach. (2nd ed). New York: University Press of America.

UNESCO. (2022). Global Education Monitoring Report 2022: Non-State Actors in Education—Who Chooses? Who Loses?. Paris: UNESCO Publishing.

Wolvin, A.D. (2012). Listening in the general education curriculum. The International Journal of Listening, 26(1): 122-128.

World Economic Forum: WEF. (2023). The Future of Jobs Report 2023. Geneva: World Economic Forum.