The การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นการป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้ง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นการป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการใช้หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น การป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสุทธิศาสน์วิทยา สังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน เขต 3 จังหวัดยะลา จำนวน 27 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นการป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งโดยมีคุณภาพของเครื่องมือ ทุกองค์ประกอบอยู่ในระดับมาก และแบบทดสอบการป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งมีคุณภาพเครื่องมือเท่ากับ 0.6 – 1.0 การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า
1) หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นการป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกอบด้วย โครงสร้างหลักสูตร กระบวนการฝึกอบรม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล โดยประเมินความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ทุกองค์ประกอบของหลักสูตรมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก 2) คะแนนการทำแบบทดสอบวัดความรู้การป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังใช้หลักสูตรฯ สูงกว่าก่อนใช้หลักสูตรฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2561). ไทยอันดับ 2 “เด็กรังแกกันในโรงเรียน” พบเหยื่อปีละ 6 แสนคน. สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2568,จาก https://www.dmh.go.th/ news-dmh/view.asp?id=27485.
_______. (2563). รายงานประจำปีกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2563. กรุงเทพฯ: ละม่อม.
กีรติ คุวสานนท์, และภาวิณี โสธายะเพ็ชร. (2566). การส่งเสริมองค์ประกอบตามแนวคิดผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. 21(1): 11.
เกียรติภูมิ วงศ์รจิต. (2555). สุขภาพจิตชุมชน: บทเรียนและประสบการณ์ของประเทศไทย. นนทบุรี: บียอนด์พับลิสชิ่ง.
ไทยรัฐออนไลน์. (2562). พบ ม.1 ยิงดับเพื่อนร่วมห้อง “เตรียมการมาจากบ้าน” อ้างแค้นล้อเป็นตุ๊ด. สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2568, จาก https://www.thairath.co.th/news/local/central/172891.
_______. (2563). ผลสำรวจเรื่อง “บลูลี่ กลั่นแกล้ง ความรุนแรง ในสถานศึกษา” (นำเสนอในการเสวนา). อ้างใน ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิสระเพื่อสิทธิมนุษยชน. สืบค้นวันที่ 29 มิถุนายน 2568, จาก https://www.tcijthai.com/news/2020/19/scoop/9779.
ธัญวรัตน์ รัตนมหาวิชัย. (2565). การวิจัยเชิงทดลองเกี่ยวกับผลของโปรแกรมการเรียนรู้แบบร่วมมือที่มีต่อการลดพฤติกรรมรังแกกันของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา. วารสารการวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. 17(1): 44-59.
ธานี ชัยวัฒน์, จุลเวทย์ นิจถาวร, และนิชาภัทร ไม้งาม. (2561). รายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์: โครงการ กลั่นแกล้งกันของเด็กในระดับชั้นมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ปริญดา จีระสมบัติ. (2562). การเปิดรับรูปแบบการกลั่นแกล้งบนโซเชียลมีเดีย (cyberbullying) และความคิดเห็นต่อการรับมือของเจเนอเรชั่นวาย (generation Y). การศึกษาอิสระวารสารศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปริยาภรณ์ ทองมี. (2563). การจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อลดพฤติกรรมการกลั่นแกล้งของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารวิชาการครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. 14(2): 88-102.
พัชรี แสงสุวรรณ. (2558). การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างความสามารถทางสังคมเพื่อป้องกันการรังแกในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 17(3): 45–58.
พัชราภรณ์ ศรีสวัสดิ์, กาญจนา ศรีสุวรรณ, และประภัสสร หัสสรังษี. (2561). การพัฒนารูปแบบการ ป้องกันการข่มเหงรังแกกันในโรงเรียนโดยใช้กระบวนการให้คำปรึกษากลุ่ม. วารสารพยาบาลทหารบก. 19(1): 112-120.
มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก. (2567). คู่มือกิจกรรมการป้องกันการรังแกกันในโรงเรียน: ฉบับนักเรียน. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
วชิระพันธ์ ทองสินธุ์, ศศิธร ด้วงคำ, และสุนิสา สุธรรม. (2560). การเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวกเพื่อลดการกลั่นแกล้งในโรงเรียนประถมศึกษา. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ. 15(1): 113–127.
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์. (2562). คู่มือป้องกันและจัดการปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต.
สิวิมล นางาม. (2559). การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ทฤษฎีแบนดูราเพื่อส่งเสริมทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.
สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. (ม.ป.ป). คู่มือกิจกรรม (สำหรับนักเรียน) การป้องกันการรังแกกันในโรงเรียน. กรุงเทพฯ: มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2568). หลักสูตร “3 ป.” เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกลั่นแกล้งในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
หทัยภัทร โอสุวรรณ. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรุณี วงศ์จันทร์. (2564). การประเมินประสิทธิผลของโปรแกรมฝึกทักษะทางอารมณ์และสังคมเพื่อลดพฤติกรรมรังแกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารวิชาการครุศาสตร์. 23(2): 75–90.
อลงกต สระนอก, ชวลิต เกตุกระทุ่ม, และอำนาจ อยู่คำ. (2568). การบริหารความปลอดภัยโดยใช้หลัก 3 ป. ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา. สิกขาวารสารศึกษาศาสตร์. 12(1): 223–234.
Bandura, A. (1977). Social learning theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice Hall.
Olweus, D. (1993). Bullying at school: What we know and what we can do. Blackwell.
_______. (1995). Bullying at school: What we know and what we can do. Cambridge: MA: Blackwell.
Saxon, B. (2004). Names Will Never Hurt Me. Virginia Journal of Education. 97(4): 6-10.
Tyler, R. W. (1949). Basic principles of curriculum and instruction. Chicago: University of Chicago Press.