การศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านการวิจัยของนักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหา และแนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านการวิจัยของนักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ ครูพี่เลี้ยง อาจารย์นิเทศ และอาจารย์ผู้สอนวิชาการวิจัย รวมทั้งสิ้น 180 คน ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัญหาด้านการดำเนินงานวิจัยของนักศึกษาวิชาชีพครู ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า ค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ทักษะการสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศที่จำเป็นในการทำวิจัย รองลงมา คือ ความสามารถในการกำหนดปัญหา การกำหนดวัตถุประสงค์และสมมติฐานในการวิจัย การขอคำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรือครูพี่เลี้ยง การออกแบบการวิจัยและเลือกกลุ่มตัวอย่าง การกำหนดชื่อเรื่องการวิจัยให้มีองค์ประกอบครบถ้วน ความเข้าใจและการเลือกใช้นวัตกรรมที่เหมาะสม และการออกแบบวิธีการสอนและนำนวัตกรรมไปใช้ในการแก้ปัญหาในชั้นเรียน และรายการที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เหมาะสมกับการวัดตัวแปร
แนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านการวิจัยของนักศึกษาวิชาชีพครู ประกอบด้วย 1) พัฒนาฐานข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับงานวิจัยที่สามารถสืบค้นได้ 2) มีโปรแกรมการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติแบบถูกลิขสิทธิ์ 3) ส่งเสริมให้นักศึกษามีความรู้และเข้าใจในนวัตกรรม เพื่อให้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 4) จัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนางานวิจัย โดยให้นักศึกษามีส่วนร่วมให้การกำหนดประเด็นหรือหัวข้อที่ต้องการพัฒนา 5) สนับสนุนทุนหรือรางวัลสำหรับนักศึกษาที่มีผลงานวิจัยโดดเด่น และ 6) ส่งเสริมให้นักศึกษาลงมือทำวิจัยจริงก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู โดยกำหนดสถานการณ์หรือชั้นเรียนจำลอง เพื่อกำหนดปัญหาและใช้เป็นห้องเรียนวิจัยตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ โดยมีอาจารย์เป็นพี่เลี้ยง
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ขจรศักดิ์ ศิริมัย. (2554). การสัมมนาระบบสมรรถนะเพื่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคล หัวข้อ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมรรถนะ. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. สืบค้นเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2568, จาก http://competency.rmutp.ac.th/.
ชนานัญ สุดโต. (2566). การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาอัธยาศัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. Journal of Roi Kaensarn Academi. 8(7): 488-498.
ไชยยศ ไพวิทยศิริธรรม, และยุวรี ผลพันธิน. (2559). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านการวิจัยสำหรับนักศึกษาครู: การประเมินความต้องการจำเป็นแบบสมบูรณ์. Veridian E-Journal Silpakorn University (Humanities, Social Sciences and Arts). 9(2): 230-246.
เชาวน์ประภา เชื้อสาธุชน. (2558). ดำเนินการสำรวจปัญหาการทำวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. วารสารบัณฑิตวิทยาลัยพิชญทรรศน์. 10(2): 1-9.
นิศา ชูโต. (2548). เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพัฒนานักวิจัย. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
พล เหลืองรังสี. (2564). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษาครูในสังคมพหุวัฒนธรรม จังหวัดชายแดนใต้: การวิจัยอิงการออกแบบ. ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (วิจัยและประเมินทางการศึกษา). มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2561). การศึกษา 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โรซวรรณา เซพโฆลาม, รูฮัยซา ดือราแม, และโซฟีลาน มะดาแฮ. (2565). สมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาวิชาชีพครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 7(2): 275-293.
วิชัย วงษ์ใหญ่, และมารุต พัฒผล. (2562). การโค้ชเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียน. กรุงเทพฯ: จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์.
สุทธิพงศ์ บุญผดุง. (2554). การพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยของครูตามแนวคิดของไวก๊อตสกี้ โดยใช้หลักการเป็นหุ้นส่วน. Journal of Education and Innovation. 16(4): 22–33.
สุธี บูรณะแพทย์. (2557). สมรรถนะครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3. ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2557). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. (พิมพ์ครั้งที่ 17). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรนุช ศรีคำ. (2564). การศึกษาสภาพปัญหาการวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. Journal of Education Buriram Rajabhat University. 1(1): 15-24
McClelland, D. C. (1973). Testing for competence rather than for intelligence. American psychologist. 28(1): 1.
Spencer, M. (1993). Competence at work: Models for Superiors Performance. New York: John Wiley & Sons.