เครื่องแต่งกายจีน-เกาหลี: การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเกาหลีในหมู่บ้านซานเดาเฮ
คำสำคัญ:
เครื่องแต่งกายเกาหลีจีน, การพัฒนา, การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายเกาหลีหมู่บ้านซานเดาเฮ มณฑลเสฉวน ประเทศจีน 2) ศึกษาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของเครื่องแต่งกายเกาหลีและปัญหาการพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่บ้านซานเดาเฮ มณฑลเสฉวน ประเทศจีนในปัจจุบัน และ 3) ศึกษาเส้นทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเครื่องแต่งกายเกาหลีในหมู่บ้านซานเดาเฮ มณฑลเสฉวน ประเทศจีน การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสำรวจ แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต แบบสนทนากลุ่ม จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลจำนวน 34 คน ประกอบด้วยกลุ่มผู้ให้ข้อมูล 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ให้ข้อมูลหลัก 11 คน ได้แก่ ผู้นำชุมชน 2 คน เจ้าหน้าที่ดูแลพิพิธภัณฑ์ 3 คน ผู้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มในเขตที่อยู่อาศัยของชาวเกาหลี ในเมืองเสินหยาง (Shenyang)
6 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลทั่วไป 23 คน ได้แก่ กลุ่มคนท้องถิ่น 8 คน นักท่องเที่ยว 15 คน การนำเสนอผลการวิจัยแบบพรรนาวิเคราะห์
ผลการศึกษาพบว่า
- ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสังคมที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการด้านวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายของเกาหลี มีช่วงเวลาที่สำคัญ 3 ยุค คือ ยุคสามก๊ก ยุคโครยอ และยุคโชซอน เป็นยุคการเปลี่ยนแปลงด้านการแต่งกายที่สำคัญ
- วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของเสื้อผ้าเกาหลีและปัญหาการพัฒนาการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ผ้าที่ชาวเกาหลีสวมใส่ส่วนใหญ่เป็นผ้าทอมือและผ้าลินินที่ปลูกและผลิตเองเทคโนโลยีการย้อมสีแบบดั้งเดิมทำให้ชาวเกาหลีสวมเสื้อผ้าที่มีสีจากเส้นใยธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ซึ่งยังคงพบเห็นได้ในปัจจุบัน ปัญหาโครงสร้างของอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย ภาคเอกชน สังคมพลเมือง และนักออกแบบ การสร้างแบรนด์การท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะส่งผลกระทบต่อเครื่องแต่งกายของเกาหลี และสหกรณ์การท่องเที่ยวพื้นบ้านเกาหลีของหมู่บ้านซานเดาเฮ ตามไม่ทันการพัฒนาด้านเครื่องแต่งกายที่มีมีความล่าช้า
- การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเครื่องแต่งกายเกาหลีในหมู่บ้านซานเดาเฮ วัฒนธรรมเครื่องแต่งกายเกาหลีพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายกับการท่องเที่ยวผ่านการศึกษาเชิงลึกของวัฒนธรรมพื้นบ้านเกาหลี โดยใช้หมู่บ้านพื้นเมืองซานเดาเฮ ในภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคมของสัญชาติเกาหลี การใช้วัฒนธรรมเครื่องแต่งกายของวัฒนธรรมสัญชาติเกาหลีเป็นส่วนดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคและภายนอก เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวมีการปรับปรุงทางสังคมต่อวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายเกาหลี การสืบทอดวัฒนธรรมพื้นบ้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ และพัฒนาสภาพทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กฤษณะ เนียมหอม และกัมปนาท วงษ์วัฒนพงษ์ “การจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชน,” Journal of Roi Kaensarn Academi. 6, 11 (2564): 350.
กมลวรรณ พงษ์กุล และธีรพงศ์ สงผัด. “การศึกษาภูมิปัญญาผ้าแส่ว กลุ่มผ้าพื้นเมืองบ้านหนองม่วง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อพัฒนารูปแบบเครื่องประดับในเชิงพาณิชย์,” วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์์. 19, 2 (2567) 93-104.
Akkapanyo, P. A. et al.. “Buddhist Tourism Promotion of the Temples in Nan Municipality, Nan Province,” Journal of MCU Buddhist Review 7, 3 (2023): 256-270.
Chen, Z.H. “Development and protection of cultural tourism of Hezhen Ethnic group,” Tourism Overview. 1, 4 (2018): 12-13.
Jiarong, H. “Tourism Value analysis of Korean costume art. Tourism Overview,” Second Half. 1, 6 (2014): 350-352.
Haiyan, Q. Research on Yanbian Korean Autonomous Prefecture Government's Promotion of Cultural Tourism Development. Master's thesis, Tianjin Normal University, 2015.
Wang, R. “Research on Korean Costume Art,” Hailongjiang Ethnic Series. 1, 3 (2014).: 131-136.
Xiaofang, M. “Research on the beauty of Korean Traditional Clothing,” Textile Report. 2, 09 2021: 156-167.
Xu, W. The evolution and development of Korean Traditional Costumes in Yanbian Area. Master Dissertation Northeast Dianli University, 2022.
Zhang, H. “A Brief discussion on the inheritance of Korean ethnic costumes,” Shopping Mall Modernization. 12, 6 (2017): 96.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ