กระบวนการพัฒนาอินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตร เพื่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา

Main Article Content

พระครูปฐมธรรมรักษ์ (ประสิทธิ์ชัย คำดี)
พระมหาวิโรจน์ คุตฺตวีโร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยเรื่องกระบวนการพัฒนาอินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตรเพื่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนามีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) เพื่อศึกษาอินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตร ๒) เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาอินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตรของการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า อินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตร นำเสนอการสำรวมอินทรีย์ ๖ อย่าง ได้แก่ ๑) จักขุนทรีย์ (ตา) คือ สติคอยสำรวมระวังในขณะที่ประสาทตาเห็นรูป ๒) โสตินทรีย์ (หู) คือ สติคอยสำรวมระวังในขณะที่เสียงมากระทบประสาทหู ๓) ฆานินทรีย์ (จมูก) คือ สติคอยสำรวมระวังในขณะที่ประสาทจมูกกระทบกลิ่น ๔) ชิวหินทรีย์ (ลิ้น) คือ สติคอยสำรวมระวังในขณะที่ลิ้นรับรสต่างๆ ๕) กายินทรีย์ (กาย) คือ การมีสติในขณะที่เราถูกต้องสัมผัสทางกาย และ ๖) มนินทรีย์ (ใจ) คือ การมีสติในขณะที่ทวารใจเปิดรับอารมณ์ต่างๆ ที่ปรากฏของธรรมารมณ์ การสำรวมอินทรีย์ ๖ อย่างเพื่อมิให้ยึดถือสิ่งที่กระทบเป็นรูป (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) อันเป็นเหตุให้เกิดความยินดีเกิดความยินร้ายกระทบเข้ามาสู่จิตใจ ทำให้ได้รับความสุขอันประณีตปราศจากกิเลส กระบวนการพัฒนาอินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตรของการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา เป็นกระบวนการพัฒนาจักขุนทรีย์ (ตา) โสตินทรีย์ (หู) ฆานินทรีย์ (จมูก) ชิวหินทรีย์ (ลิ้น) กายินทรีย์ (กาย) และ มนินทรีย์ (ใจ) โดยการมีสติระวัง (สติสังวร) ในขณะที่เกิดการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การสัมผัสและการรับอารมณ์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
(ประสิทธิ์ชัย คำดี) พ, คุตฺตวีโร พ. กระบวนการพัฒนาอินทรียสังวรในอินทรียสังวรสูตร เพื่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา. JGSR [อินเทอร์เน็ต]. 30 เมษายน 2025 [อ้างถึง 25 ธันวาคม 2025];21(1):81-95. available at: https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JGSR/article/view/272146
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. พิมพ์ครั้งที่ ๔๐. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต, ๒๕๕๗.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.

พุทธทาสภิกขุ, มรดกธรรม, (กรุงเพทมหานคร: ธรรมสภา, ๒๕๓๘), หน้า ๔๒.