การฟื้นฟูและส่งเสริมการปลูกข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมปลอดสารพิษ ตำบลป่าพะยอม อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง
คำสำคัญ:
ปลอดสารพิษ, เครือข่าย, การถ่ายทอดองค์ความรู้, การแลกเปลี่ยนเรียนรู้บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่องการฟื้นฟูและส่งเสริมการปลูกข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมปลอดสารพิษ ตำบลป่าพะยอม อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของแบบแผนการผลิตและเงื่อนไขของการปลูกข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมในชุมชนตำบลป่าพะยอม และเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคนิควิธีการปลูกข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมปลอดสารพิษในชุมชนตำบลป่าพะยอม ตลอดจนเพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมการปลูกข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมปลอดสารพิษในชุมชนตำบลป่าพะยอม โดยการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ที่เน้นการศึกษาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
ข้าวดอกพะยอมเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของพื้นที่ตำบลป่าพะยอม ซึ่งได้สูญพันธุ์ไปจากพื้นที่มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว สำหรับแบบแผนการผลิตข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมในพื้นที่โดยภาพรวมมีลักษณะแบบแผนการผลิตเช่นเดียวกับการปลูกข้าวพันธุ์อื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในพื้นที่ สำหรับ “แนวคิดการนำข้าวดอกพะยอมกลับบ้าน” เป็นแนวคิดที่เกิดจากความต้องการของชาวนาในพื้นที่ตำบลป่าพะยอมที่ต้องการรักษาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองพันธุ์ดอกพะยอมที่สูญหายไปจากพื้นที่ให้กลับคืนสู่พื้นนาของชาวนาในพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง โดยแนวคิดดังกล่าวได้ถูกแปลงมาเป็นการปฏิบัติด้วยความร่วมมือจากบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในลักษณะของการจัดทำแปลงนาสาธิตขึ้นในพื้นที่ จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งผลจากการทำแปลงนาสาธิตทั้ง 2 ครั้ง ส่งผลให้กลุ่มชาวนาในพื้นที่ได้ค้นพบองค์ความรู้และเกิดแนวคิดเกี่ยวกับการทำนาขึ้นหลายประการ และจากการทดลองทำแปลงนาสาธิตทั้ง 2 ครั้ง พบว่าปัญหาของการทำนาปลูกข้าวพันธุ์ดอกพะยอมที่สำคัญๆ ได้แก่ ปัญหาหอยเชอร์รี่ ปัญหาโรคเชื้อรา และปัญหาวัชพืช
สำหรับผลจากการดำเนินการทำแปลงนาสาธิตทั้ง 2 ครั้ง ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการเกิดเครือข่าย เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในชุมชน การเกิดเครือข่ายความร่วมมือ การขยายผลการเรียนรู้ทั้งในและนอกพื้นที่ ตลอดจนการถ่ายทอดและสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนรุ่นหลัง เป็นต้น โดยกระบวนการเรียนรู้และการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าว นอกจากจะทำให้ชาวนาในพื้นที่ได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้กับตนเองแล้ว ชาวนายังเกิดความเชื่อมั่นในแนวทางที่กำลังดำเนินการอยู่อีกด้วย ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ชาวนามีตัวตนมากขึ้น เมื่อเกิดปัญหาหรือความเดือดร้อนเกินกำลังความสามารถของตนก็สามารถพึ่งพาเครือข่ายต่างๆ เหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง ในลักษณะของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน