การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการเรียนรู้โดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC 2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนระหว่างกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม และ 3) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในโรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 ห้องเรียน ห้องเรียนละ 30 คน รวมจำนวนนักเรียน 60 คน ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 9 แผน 2) แบบทดสอบทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ เป็นข้อสอบถูก-ผิด และ 3) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติ t-test for Independent Samples ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนในกลุ่มทดลองมีทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษหลังเรียนรู้โดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) นักเรียนในกลุ่มทดลองที่เรียนรู้โดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC มีทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนในกลุ่มควบคุมที่ใช้การสอนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนที่ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเรียนรู้โดยใช้แอปพลิเคชันร่วมกับเทคนิค CIRC สามารถพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้นเพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบทความลงตีพิมพ์และจะแจ้งให้เจ้าของบทความทราบหลังจากผู้ประเมินบทความตรวจอ่านบทความแล้ว
ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
ไกรษร ประดับเพชร. (2561). การพัฒนาแบบฝึกทักษะโดยใช้เทคนิคการอ่านแบบ SQ4R เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนไตรคามประชาสรรค์. รายงานวิจัย. โรงเรียนไตรคามประชาสรรค์.
คฑาวุธ ถวัลย์วิลาสวงศ์ และคณะ. (2560). การพัฒนาแอปพลิเคชั่นในการให้บริการประชาชนของเทศบาลตำบลเกาะแต้ว. สงขลา: มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา.
ชยพัทธ์ แก้วนรินทร์. (2559). ผลการใช้กูเกิลทรานสเลต (Google Translate) ร่วมกับการเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมทักษะการฟังและ การอ่านออกเสียง สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์. 11(1). 62-70.
นคร ละลอกน้ำ และณฐาภพ สมคิด. (2561). การพัฒนาแอพพลิเคชั่นบทเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.
เนตรวรา ศรีสิน. (2557). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.
พัชรินทร์ เนาว์ศรีสอน. (2558). การพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษด้วยเทคนิค CIRC ร่วมกับเทคนิค TPR ที่ส่งผลต่อการอ่านจับใจความ การคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
รวีพร จรูญพันธ์เกษม และคณะ. (2561). การพัฒนารูปแบบการสอนโดยอาศัยแอปพลิเคชันการอ่านออกเสียงด้วยระบบรู้จำเสียงพูดและเกมทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษ. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. 4(1). 56-68.
ศวรรณรัศม์ อภัยพงศ์ และภูมินทร์ อินทร์แป้น. (2561). การพัฒนาแอปพลิเคชั่นคำศัพท์ภาษาอังกฤษในรูปแบบมัลติมีเดียบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์. วารสารวิชชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช. 37(Special). 54-64.
ศุภฤกษ์ ทัศน์เจริญ. (2555). การพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
อุบลรัตน์ ศฺริสุขโภคา และสรเดช ครุฑจ้อน. (2562). การพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันเพื่อเสริมทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยเทคนิคการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้าน. วารสารวิชาการครุศาสตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนือ. 10(2). 227-236.
ไอลดา จันทร์ลอย. (2562). การอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
Darmayanti Darmayanti. (2014). The Implementation of Cooperative Integrated Reading and Composition (CIRC) Method in Teaching Narrative Text to Improve Students’ Reading Comprehension at the Eleventh Grade Students of MAN 2 Model Makassar. Ethical Lingua. (2). 111-123.
Education First (EF). (2020). EF English Proficiency Index. แหล่งที่มา https://www.ef.com/ca/epi/regions/asia/thailand/ สืบค้นเมื่อ 20 เม.ย. 2564.
Jaroslav K., & Blanka K. (2019). Use of Smartphone Applications in English Language Learning-A Challenge for Foreign Language Education. Master’s thesis. Czech Republic, University of Hradec Králové.
Johnson, D. W., & Johnson, R.T. (1987). Learning Together and Alone: Cooperative, Competitive and Individualistic Learning. 2nd ed. New Jersey: Prentice-Hall.
Latifah, A. A. (2008). The effectiveness of using cooperative learning method on ESL reading comprehension performance, students’ attitudes toward CL and students’ motivation toward reading of secondary stage in Saudi public girls’ school. Master’s thesis. West Virginia University.
Robert E. Slavin (1987). Developmental and Motivational Perspectives on Cooperative Learning: A Reconciliation. Child Development. 58(5). 1161-1167.
Slavin, Robert E. (1995). Cooperative Integrated Reading and Composition (CIRC): A Brief Overview. 2nd ed. Massachsetts: A Simon & Schuster.