รูปแบบเครือข่ายองค์กรการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย

Main Article Content

พระมหาไพทูลย์ ปภสฺสโร (ไชยกูล)
สิน งามประโคน
อุทัย สติมั่น

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องรูปแบบเครือข่ายองค์กรการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ๑) ศึกษาสภาพทั่วไปของเครือข่ายองค์กรเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย ๒) ศึกษาพัฒนารูปแบบของเครือข่ายองค์กรเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย และ ๓) นำเสนอรูปแบบเครือข่ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย โดยในการศึกษาครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสม ระหว่างวิธีวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลภาคสนาม กลุ่มตัวอย่างจำนวน  ๓๙๕ คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้แบบสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ผู้บริหารองค์กรเครือข่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำนวน ๑๐ รูป/คน ได้วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ จากการวิจัยเชิงปริมาณ โดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์เนื้อหา และมีการสนทนากลุ่ม จำนวน ๙ รูป/คน เพื่อตรวจสอบร่างรูปแบบ


ผลการวิจัยพบว่า


๑. สภาพทั่วไปของเครือข่ายองค์กรเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย พบว่า เครือข่ายองค์กรการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทยโดยรวม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการสร้างความรู้สึกร่วม พบว่าอยู่ในอันดับสูงที่สุด รองลงมาคือ ด้านจุดหมายร่วมกัน และมีอันดับต่ำที่สุดคือ ด้านการพัฒนาระบบที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ผลการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่า เครือข่ายในการเผยแผ่ถือว่ายังน้อยมาก เป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ให้ความสำคัญต่อตัวบุคคลมากกว่าหลักธรรมะ การดำเนินงานเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีการดำเนินการ คือ สอนนักธรรม สอนธรรมศึกษา         เทศน์ทุกวันพระอบรมกรรมฐาน และอบรมธรรมะให้กับหน่วยงานต่างๆ แต่มีข้อจำกัดด้านเวลาด้านสถานที่ด้านผู้เข้าอบรม และด้านงบประมาณ


๒. การพัฒนารูปแบบของเครือข่ายองค์กรเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย รูปแบบเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลักษณะเครือข่าย ควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมาย เพื่อต้องการให้ประชาชนทั้งหลายได้เข้าวัดมาถือศีล ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม วิปัสสนามากๆ เพื่อความสุขความสงบของครอบครัวและสังคม โดยมีด้านกระบวนการบริหารจัดการ คือจัดสถานที่พร้อม บุคลากรพร้อม ปัจจัยพร้อม วิชาการเชิงพุทธพร้อม โดยความร่วมมือของทุกฝ่าย


๓. รูปแบบเครือข่ายองค์กรการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลักษณะเครือข่ายนั้น สรุปเป็น “BGM MODEL”  ๓ ระดับ คือ ๑. ด้านเป้าหมาย G : GOAL ให้ยึดหลักประโยชน์ ๓ คือ ประโยชน์โลกนี้ ประโยชน์โลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง ๒. B : BUDDHIST ยึดหลักโอวาทปาฏิโมกข์ ได้แก่หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๓ และ ๓. M : MANAGEMENT หลักการบริหารเครือข่าย ๕ ด้าน ๑) จุดหมายร่วมกัน ๒) บุคคล ๓) การเชื่อมโยง ๔) การสร้างความรู้สึกร่วม ๕) การพัฒนาระบบที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ได้มีการบริหารจัดการโดยมีจุดหมายร่วมกัน คือการแบ่งหน้าที่การรับผิดชอบของงานตามความรู้ความสามารถแต่ละรูป แต่ละบุคคลให้เข้ากับงานนั้นๆ ด้านบุคลากรมีการวางแผนงานในการทำแต่ละครั้งเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้านการเชื่อมโยงความร่วมมือได้ติดต่อเพื่อนร่วมงานแต่ละวัดที่รู้จักสนิทคุ้นเคยกัน ชักชวนมาร่วมงานกัน เพื่อให้เกิดทักษะความรู้ความสามารถมากขึ้น ด้านการสร้างความรู้สึกร่วมกันโดยการปฏิบัติตามแผนงานที่ประชุมกัน ตามหลักพุทธศาสนา สติ สมาธิ ปัญญาเครือข่ายของท่านมีการพัฒนาระบบที่โปร่งใสตรวจสอบได้โดยมีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ของแต่ละครั้งการจัดระบบข้อมูลข่าวสารมีการประชาสัมพันธ์ ทางหอกระจ่ายข่าวของวัดอยู่แล้ว มีงานอะไรก็ให้ชาวบ้านได้รับรู้ รับทราบถึงกิจกรรมที่ทำ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
(ไชยกูล) พ. ป., งามประโคน ส., & สติมั่น อ. (2018). รูปแบบเครือข่ายองค์กรการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมไทย. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 5(2), 192–204. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EDMCU/article/view/147860
ประเภทบทความ
บทความวิจัย