การประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนในโรงเรียนที่ใช้นวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียนและ วิธีการแบบเปิด

Main Article Content

จิตรลดา ใจกล้า
นฤมล ช่างศรี
ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนที่ใช้นวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียนและวิธีการแบบเปิดทั้งสิ้น 11 โรงเรียน จำนวน 274 คน โดยทั้ง 11 โรงเรียน ได้นำนวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียนและวิธีการแบบเปิดไปใช้ในโรงเรียนภายใต้กระบวนการศึกษาชั้นเรียน 3 ขั้นตอน คือ 1) การวางแผนบทเรียนร่วมกัน 2) การสังเกตการสอนร่วมกัน 3) การสะท้อนผลร่วมกัน และจัดการเรียนการสอนโดย ใช้วิธีการแบบเปิด 4 ขั้นตอน คือ 1) การนำเสนอสถานการณ์ปัญหาปลายเปิด 2) การเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน 3) การอภิปรายร่วมกันทั้งชั้นเรียน 4) การสรุปโดยการเชื่อมโยงแนวคิดของนักเรียนที่เกิดขึ้นในห้องเรียน[1] เครื่องมือ ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (Ordinary national education test: O-NET) ปีการศึกษา 2553 จำนวน 20 ข้อ ที่ได้พัฒนาโดยเพิ่มพื้นที่ “กระดาษทด” เพื่อรองรับการแก้ ปัญหาของนักเรียน ผลการวิจัยพบว่า 1) เนื้อหาที่นักเรียนมีความเข้าใจมากที่สุดจากการทำแบบทดสอบ คือ เนื้อหา ทางด้านเรขาคณิตมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 79.93 เนื้อหาทางด้านจำนวนและการดำเนินการ คิดเป็นร้อยละ 79.53 ในลำดับถัดมา และ 2) ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาของนักเรียนมีการแสดงแนวคิด/ วิธีการในการแก้ปัญหาในแบบ ทดสอบได้อย่างหลากหลายตามประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเอง และความเข้าใจของแต่ละบุคคล ทั้งนักเรียนกลุ่ม ที่ตอบแบบทดสอบถูกและกลุ่มที่ตอบแบบทดสอบผิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงกับ ผู้เรียนต่างๆ ทั้ง ทักษะกระบวนการ การให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจของนักเรียนแต่ละคน

 

Assessment for Students’ Learning in Schools using Lesson Study and Open Approach

Jitlada Jaikla 1) Dr. Narumon Changsri*2) and Dr. Maitree Inprasitha**3)

1) Centre of Excellence in Mathematics, CHE, Si Ayutthaya RD.,Bangkok 10400, Thailand

2) Mathematics Education, Faculty of Education, Khon Kaen University, Khon Kaen, Thailand, 40002

3) Mathematics Education, Faculty of Education, Khon Kaen University, Khon Kaen, Thailand, 40002

This study was aimed to assess students’ mathematical learning and identify what assessment positions were for developing students (Formative Assessment) by using tests adapted from those tests used for the Ordinary National Educational Test (O-NET). Target group were included 274 6th -graders of 11 schools that using Lesson Study and Open Approach. , 1) Collaboratively design research lesson (Plan) 2) Collab¬oratively observing research lesson (Do) 3) Collaboratively doing post-discussion or reflection on teaching practice (See) and Open Approach as a teaching approach, 1) Posing open-ended problem 2) Students’ self-learning 3)Whole class discussion and comparison 4) Summarization through connecting students’ mathematical ideas emerged in the classroom[1] . Data were collected, in the second semester and 2013 school year, since November 2013 to January 2014, by adapting Ordinary national education test (O-NET) used of 2011 school year. The O-NETs were adapted by providing some spaces below each item for as-sessing the students’ ideas occurred while they solve problems. The results in which concluded from the students’ works on the tests are as follows. 1) Mathematics content that students got the second highest scores are geometry content 79.93%, number and operation content 79.56% and 2) The students’ math-ematical learning assessment in which considered the students’ learning both from their scores in using tests and their ideas in using problem solving works showed that the students, both in those group who got wrong answers and who got right answers, wrote their own solutions or ideas on how to solve problems variously by using their own learning experiences and understanding. These specific characteristics in which occurred on the students of schools using the Open Approach innovation as a teaching approach adapted with the Lesson Study cycle. The students’ ideas or solutions in their problem solving has shown that learning processes including skills, processes, and reasoning for their decision making are evidently occurred on the students.

Article Details

บท
บทความวิจัย (Research Article)