การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์โดยใช้เทคนิค ระดมสมองที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์โดยใช้ เทคนิคระดมสมองที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2) พัฒนาผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ให้นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อย ละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ 70 ขึ้นไป และ (3) ศึกษาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่เรียนรู้โดยการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้เทคนิคระดมสมองที่ส่งเสริมความคิด สร้างสรรค์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนคำแสนวิทยาสรรค์ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 2 ห้องเรียน จำนวน 80 คน การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวงจรปฏิบัติการ 2 วงจร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติได้แก่แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอน สตรัคติวิสต์โดยใช้เทคนิคระดมสมองที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 จำนวน 10 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติได้แก่แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียน รู้ แบบบันทึกผลการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ใบกิจกรรม และแบบฝึกทักษะ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ประสิ ทธิ ภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ และอัตนัย จำนวน 2 ข้อ และแบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ แบบอัตนัยจำนวน 3 ชุด ชุดละ 2 ข้อ
ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์โดยใช้ เทคนิคระดมสมอง ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีกิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (2) ขั้นสอน ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ (2.1) ขั้นเผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหารายราย บุคคล (2.2) ขั้นเผชิญสถานการณ์ปัญหาและแก้ปัญหากลุ่มย่อยโดยใช้เทคนิคระดมสมอง ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 เตรียมการกำหนดประเด็นเวลากติกาผู้รับผิดชอบและวิธีการในการปฏิบัติกิจกรรม ขั้นตอนที่ 2 ระดมความคิดและคัดสรรภายในกลุ่ม ขั้นตอนที่ 3 สรุปความคิด อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิด (2.3) ขั้นเสนอแนวทางแก้ปัญหาของ กลุ่มย่อยต่อทั้งชั้น (3) ขั้นสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปแนวคิด หลักการ ความคิดรวบยอดในเรื่องที่เรียน (4) ขั้นฝึกทักษะ นักเรียนนำความรู้ไปประยุกต์กับสถานการณ์ต่าง ๆ (5) ขั้นประเมินผล เป็นขั้นประเมินความรู้ของนักเรียนจากการ สังเกตพฤติกรรมนักเรียน ใบกิจกรรม แบบฝึกทักษะ และแบบทดสอบ
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนในวงจรที่ 1 ร้อยละ 71.05 และนักเรียนในวงจรที่ 2 ร้อยละ 76.19 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม ซึ่งเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ ให้มีจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ร้อยละ 70 ขึ้นไป
3. ความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนในวงจรที่ 1 คะแนนเฉลี่ยความคิดคล่อง 5.60 คะแนน คิดยืดหยุ่น 4.48 คะแนน และคิดริเริ่ม 2.05 คะแนน รวมคะแนนเฉลี่ยความคิดสร้างสรรค์ 12.12 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.50 ในวงจรที่ 2 คะแนนเฉลี่ยความคิดคล่อง 6.34 คะแนน คิดยืดหยุ่น 6.08 คะแนน และคิดริเริ่ม 4.45 คะแนน รวมคะแนน เฉลี่ยความคิดสร้างสรรค์ 16.87 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 70.29
The Development of Mathematics Learning Activities Based on Constructivist Theory Using Brainstorming Technique to Enhance Creative Thinking on Linear Inequalities With one Variable for Matthayomsuksa 3
Sirinya Daungkhamjan1),and Dr. Lha Pavaputanon.2)
1) Department of curriculum and instruction, Faculty of Educational, KhonKaen University,KhonKaen, Thailand, 40002
2) Associate Professor, Department of Mathematics Education , Faculty of Educational, Khonkaen University, KhonKaen , Thailand, 40002
The purposes of this reseaech were 1) to develop mathematics learning activities based on constructivist theory using brainstorming technique to enhance creative thinking on linear inequalities with one variable for Matthayomsuksa 3 students. 2) to develop the students’ learning achievement so that 70% of the students pass the criterion of the full marks or better. 3) to study the students’ creative thinking in the learning of mathematics. The target group consisted of 80 grade 9 students in Khamsaen Wittayasan School, Nongbua Lamphu Province, in the second semester of 2013.
This was an action research with two action cycles.There were 3 categories of tools were. First, the experimentation tool which included 10 lesson plans of mathematics based on constructivist theory using brainstorming technique. Secondly the reflection tool which included a student learning behavior observation form, a lesson plan implementation outcome recording form, a worksheet and skill-training exercise. Thirdly the evaluation tool for instructional model efficiency evaluation which included a learning achievement test and creative thinking test.
The study found that:
1) Mathematics learning development activities consist of 5 steps: (1) The warming up (2) The teaching : This step included 3 sub-steps as follows :(2.1) Facing situations and individual problem solving (2.2) Facing situations and solving problems in group using brainstorming technique as follows : Step 1, Setting aims, rules, time and who might take responsible for practices Step 2, Brainstorming and selecting best idea within group. Step 3, Discussion and made accurate answer, and (2.3) Presenting answers to the class. (3) Conclusion: students cooperatively conclude the ideas, principles and concepts they had learnt by teacher’s help. (4) Training Skills: Students apply their knowledge in different situations. (5) Evaluation: evaluate student’s knowledge through observing behavior from activity
sheet, skill training exercise and the tests. 2) Students’ achievement, first cycle there gained average learning achievement scores of 71.90 % and 71.05% of students passed the specified criteria, and the second cycle there gained average learning achievement scores of 75.61% and 76.19 % of students passed the specified criteria. 3) Students’ creativity, which is classified as fluency, flexibility and originality where students in cycle 1 performed with the average scores of 5.60, 4.48 and 2.05 respectively with the average creative thinking scores of 12.12 (51.50 % of the total score). Students in cycle 2, on the other hand obtained the average scores of 6.34, 6.08 and 4.45, and the average creative thinking scores of 16.87, (70.29% of the total score).