การรับรู้และทัศนคติของนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีความรู้ระดับต้น ต่อการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบจิกซอว์ประยุกต์ในรายวิชาภาษาญี่ปุ่น 4
คำสำคัญ:
การอ่านภาษาญี่ปุ่นเพื่อความเข้าใจ , การรับรู้และทัศนคติ , การเรียนรู้เทคนิคจิกซอว์ประยุกต์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้และทัศนคติของนักศึกษาต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบจิกซอว์ประยุกต์ โดยมุ่งพัฒนาทักษะการอ่านในรายวิชาภาษาญี่ปุ่น 4 ผ่านการใช้แบบประเมินเป็นเครื่องมือเก็บข้อมูล ประชากรได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชาภาษาญี่ปุ่น 4 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 16 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ยของคะแนนจากแบบประเมิน และเปรียบเทียบกับเกณฑ์การแปลความหมายมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือจิกซอว์ประยุกต์มีระดับการรับรู้และทัศนคติโดยรวมอยู่ในระดับมาก สาเหตุสำคัญมาจากการออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมการดึงศักยภาพของนักศึกษาในด้านความรู้ความเข้าใจ การนำรูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาปรับใช้ในการพัฒนาทักษะการอ่าน ส่งผลให้นักศึกษามีความสนใจต่อการเรียนรู้มากขึ้น เกิดความมั่นใจ และกล้าแสดงออกในกระบวนการอ่านเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผลลัพธ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบจิกซอว์ประยุกต์ในการสร้างสภาพแวดล้อม การเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของนักศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
บัวรัตน์ ศรีนิล. (2560). เอกสารประกอบการเรียน การออกแบบวิจัยธุรกิจ การเก็บรวบรวมข้อมูล การออกแบบสอบถาม และการเลือกตัวอย่าง. เชียงใหม่: คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ผกาศรี เย็นบุตร. (2558). เอกสารประกอบการสอนวิชา ท.0211 (การอ่าน). กรุงเทพฯ: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). คู่มือการประเมินคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา. นครปฐม: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ.
สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กองยุทธศาสตร์และแผนงาน. (2562). แผนแม่บทพัฒนาแรงงานไทยในระยะ 5 ปี. สืบค้นจาก http://www/oic/go.th/fileweb/cabinfocenter3/drawer003/general/data00000725/pdf.52, 27-58.
Ajzen, I. (2001). Nature and Operation of Attitudes. Annual Review of Psychology,
Araragi, C. (1983). The effect of the jigsaw learning method on children's academic performance and learning attitude. Japanese Journal of Educational Psychology, 31(6), 102–112.
Aronson, E. (1978). The jigsaw classroom. California: Sage.
Biggs, J. B. (2003). Aligning Teaching for Constructing Learning. Retrieve from https://www.researchgate.net/publication/255583992_Aligning_Teaching_for_Constructing_Learning
Iijima, Y. (2012). マインドマップ によるノートテイキングの試みー「日本事情」クラスにおけるドキュメンタリー映像視聴の記憶として」: Using Mind Mapping Skill for Note-taking: though the Note-taking Activities of Documentary Movies in Current Issue in Japan. (Master’ s thesis, Kansai University of International Studies).
Mayer, R. E. (2009). Multimedia learning. Cambridge: Cambridge University Press.
Nakamura, T. (2020). Evolution of University Sports Education in Japan: Curriculum, Participation, and Policy Implications. Journal of Physical Education Studies, 12, 112-126.
Sato, M. (2019). Spread and progress of school as learning community in Asia. In K. Murata (Ed.), Lesson study and schools as learning communities (pp. 3–13). Milton Park: Routledge.
Slavin, R. E. (1995). Cooperative learning: Theory, research, and practice. Boston: Allyn & Bacon.
Sugimoto, Y. (2014). An Introduction to Japanese Society (3rd ed.). Cambridge: Cambridge University Press.
Suzuki, M. (2015). Effective content design for foreign language education. Cambridge: Cambridge University Press.
Takahashi, T. (2018). Motivation of students for learning English in Rwandan schools. Issues in Educational Research, 28(1), 168-186.
Weimer, M. (2013). Learner-centered teaching: Five key changes to practice. San Francisco: Jossey-Bass.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
บทความหรือข้อคิดใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารอักษราพิบูลที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ หรือ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
