นวัตกรรมการบริการของโรงแรมเชิงสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวสูงวัยชาวไทยในกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
นวัตกรรมการบริการ โรงแรมสุขภาพ นักท่องเที่ยวสูงวัยบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการนวัตกรรมการบริการในโรงแรมเชิงสุขภาพของนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุชาวไทย 2) เพื่อศึกษานวัตกรรมการบริการสำหรับผู้สูงอายุภายในโรงแรมเชิงสุขภาพ และ3)เพื่อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมการบริการของโรงแรมเชิงสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุชาวไทยในกรุงเทพมหานคร บทความวิจัยนี้เป็นบทความเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-Depth interview)
ผลการวิจัยพบว่า ความต้องการนวัตกรรมการบริการของโรงแรมเชิงสุขภาพของนักท่องเที่ยวสูงวัยชาวไทย มีความต้องการด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการ อาหารเพื่อสุขภาพ พนักงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและต้องมีใบประกาศนียบัตรเท่านั้น ต้องการโปรแกรมการดูแลสุขภาพ แพคเกจสปา ต้องการพื้นที่ใช้สอยสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โยคะ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้โรงแรมเชิงสุขภาพสามารถนำไปพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้
เอกสารอ้างอิง
กรมกิจการผู้สูงอายุ.(2564). เทรนด์ท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดในปี 2020 .สืบค้นเมื่อ
28/10/2564. http://www.dop.go.th/th/gallery/1/3078
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2562). การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical-tourism) ขยายตัว
ต่อเนื่องในปี 2561.สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562, จาก
https://www.kasikornbank.com/th/personal, 24 กุมภาพันธ์ 2564.
ดาวศุกร์ บุญญะศานต์ และ ชงสุดา โตท่าโรง. (2563). นวัตกรรมการบริการกับการสร้าง
คุณค่าในธุรกิจโรงแรม,NKRAFA Journal of Humanities and Social
Sciences, Year 8 December 2020.
แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรม(2564-2566) : ธุรกิจโรงแรม 24 กุมภาพันธ์ 2564.
บุษบา อู่อรุณ. ภัทรพล ชุ่มมี และปรีชา คำมาดี. (2563). กลยุทธ์การสร้างประสบการณ์
ให้กับลูกค้าของธุรกิจโรงแรมระดับ 4- 5 ดาว ในภาคกลางและภาคตะวันออกของ
ประเทศไทย.วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์,ปีที่ 23 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-มิถุนายน, 91-100.
บุษบา อู่อรุณ. 2558. กลยุทธการตลาดที่มีผลตอความพึงพอใจของนักทองเที่ยวชาวจีน
กลุมผูสูงวัยที่ใชบริการทองเที่ยวเชิงสงเสริมสุขภาพในประเทศไทย วารสารวิชาการเซาธอีสทบางกอก ปที่ 4 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2561, 46-64.
ผู้จัดการออนไลน์.2560.ไทยคว้าอันดับสามประเทศทำรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุดใน
โลก.แหล่งที่มา:http://today.line/me/th/pc/article (สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2562).
มานิศา ผิวจันทร์ และ อนัญญา รัตนประเสริฐ .(2562). แนวโน้มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต
เพื่อสุขภาพ.งานประชุมวิชาการระดับชาติด้านการท่องเที่ยวกับมนุษย์ศาสตร์ ครั้ง
ที่ 19-20 ธันวาคม.2562.
รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2556 โดย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย
(มส.ผส.).
ภาษาอังกฤษ
Cbre.(2021).โรงแรมเพื่อสุขภาพยังคงเป็นที่ต้องการในปี 2564. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม
2564 .From https://www.cbre.co.th/th/news/demand-for-wellness-
accommodation-continues-into-2021.
Department of Tourism, (2014).S Global Wellness Institute (2018) Global Wellness Tourism Economy. November 2018.แผนแม่บท
ยุทธศาสตร์ชาติ การท่องเที่ยว .2564. สืบค้นเมื่อ 28/10/2564 ที่
http://nscr.nesdb.go.th/wp-content/uploads/2021/01/06_NS_05.pdftandard of tourism service. Bangkok:
Ministry of Tourism and Sport. Department of Health Service Support (2016).Summary report of Thailand’s Development policy as an internationals health center (Medical Hub). Bangkok: Ministry of Public Health.
Global Wellness Institute (2018) Global Wellness Tourism Economy.
November 2018.แผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ การท่องเที่ยว .2564. สืบค้นเมื่อ 28/10/2564.จาก
http://nscr.nesdb.go.th/wp-content/uploads/2021/01/06_NS_05.pdf
Mueller, H., & Kaufmann, E. L. (2001). Wellness tourism: Market analysis of a
Special health tourism segment and implications for the hotel industry. Journal of Vacation.
Susaraporn Tangtenglam, Ariya Pongpanich and Chalongsri
Pimonsompong.(2021). The Need for Hotel Elderly’s in Thailand. International Journal of Arts and Social Science, Volume 4 Issue 3, May-June 2021.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 บุษบา อู่อรุณ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
สหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์และสิทธิของผู้นิพนธ์ในการเผยแพร่ผลงานวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ความถูกต้องตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล ทั้งนี้ วารสารกำหนดนโยบายดังต่อไปนี้
|
1. การยอมรับเงื่อนไขการเผยแพร่ - ผู้นิพนธ์ที่ส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ ต้องปฏิบัติตามนโยบายและเงื่อนไขการเผยแพร่ของวารสารโดยเคร่งครัด - การส่งบทความถือเป็นการยอมรับให้นำบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและการเผยแพร่ตามมาตรฐานของวารสาร |
|
2. การโอนลิขสิทธิ์ - เมื่อบทความได้รับการตอบรับเพื่อตีพิมพ์ ผู้เขียนโอนลิขสิทธิ์ของบทความให้แก่วารสาร - วารสารมีสิทธิ์เผยแพร่ ทำซ้ำ และเผยแพร่บทความในทุกรูปแบบ ทั้งสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อออนไลน์อื่น ๆ |
|
3. สิทธิ์ของผู้นิพนธ์หลังการโอนลิขสิทธิ์ - ผู้นิพนธ์ยังคงมีสิทธิ์ใช้บทความเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัยส่วนบุคคล การใช้ประกอบวิทยานิพนธ์ หรือการเผยแพร่ในแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ - การนำบทความไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากวารสารก่อนเป็นลายลักษณ์อักษร |
|
4. การเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะ (Creative Commons License) - บทความทั้งหมดในวารสารจะเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) - บุคคลอื่นสามารถเผยแพร่หรือแบ่งปันบทความได้โดยต้องให้เครดิตแก่ผู้นิพนธ์ต้นฉบับ แต่ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ |
|
5. ความถูกต้องของเนื้อหาและการใช้สื่อจากบุคคลที่สาม - ผู้เขียนต้องรับรองว่าบทความที่ส่งเพื่อตีพิมพ์เป็นผลงานต้นฉบับของตนเอง ไม่ได้ส่งซ้ำซ้อน (duplicate submission) และไม่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น รวมถึงไม่มีการปลอมแปลงข้อมูล การตีพิมพ์ซ้ำ หรือการกระทำใด ๆ ที่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางวิชาการ - ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตใช้สื่อจากบุคคลที่สาม เช่น ภาพ ตาราง หรือกราฟิก และต้องอ้างอิงหรือให้เครดิตอย่างถูกต้องน |
|
6. ข้อจำกัดความรับผิดชอบ (Disclaimer) - บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร - ข้อความ ข้อมูล และข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่ละท่านโดยตรง มิได้สะท้อนถึงทัศนะหรือจุดยืนของกองบรรณาธิการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - หากบทความมีข้อผิดพลาดหรือการละเมิดสิทธิ์ใด ๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว - การนำบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบรรณาธิการวารสารก่อน ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำคำชี้แจงเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานอย่างชัดเจน การใช้บทความในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว |

