ปัจจัยคาดทำนายการรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกก่อนตั้งครรภ์ ในกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์ไทย
คำสำคัญ:
วิตามินโฟลิก, หญิงวัยเจริญพันธุ์, ภาวะพิการความพิการแต่กำเนิด, โครงการวิวาห์สร้างชาติ, ระดับความรู้เกี่ยวกับวิตามินโฟลิกต่อการตั้งครรภ์, ระดับการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการรับประทานวิตามินโฟลิกต่อการตั้งครรภ์บทคัดย่อ
การศึกษานี้ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อศึกษาระดับความรู้เกี่ยวกับวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก และการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์ในกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่ลงทะเบียนขอรับวิตามินจากเพจวิวาห์สร้างชาติ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างระดับความรู้เกี่ยวและระดับการรับรู้สมรรถะแห่งตนต่อพฤติกรรมการรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกต่อการตั้งครรภ์ในกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยกลุ่มตัวอย่างกรอกแบบสอบถามด้วยตนเอง มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 235 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติค ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์มีความรู้เกี่ยวกับวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกในระดับปานกลาง มีการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกต่อการตั้งครรภ์ในระดับดี และจากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า ระดับความรู้และระดับการับรู้สมถรรนะแห่งตนไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก (p>0.05) จากผลการศึกษาจึงควรมีการส่งเสริมความรู้ต่อวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักในกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ต่อการรับรู้ประโยชน์ของวิตามินเสริมธาตุเหล็กและฟลิก เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์ในกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์
เอกสารอ้างอิง
[อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 21 ธ.ค. 2563]. เข้าถึงได้จาก
Gazette2020TH.pdf (mahidol.ac.th).
2.จำนวนการเกิดทั่วประเทศย้อนหลัง 10 ปี , สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
[อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 30 สิงหาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th.
3.ข้อมูลเฝ้าระวัง ,อัตราตายทารกแรกเกิด ปี พ.ศ. 2563 , DOH Dashboard กรมอนามัย, [อินเทอร์เน็ต].
[เข้าถึงเมื่อ 10 กรกฎาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก ข้อมูลเฝ้าระวัง (moph.go.th).
4.โครงการระดับชาติพัฒนาต้นแบบจังหวัดและอำเภอเพื่อป้องกันและดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิด
ในประเทศไทย, 2558-2560.
5.สุทธิพงษ์ ปังคานนท์, จุฬาลักษณ์ คุปตานนท์ ,เด็กกลุ่มอาการดาวน์ ,บรรณาธิการกรุงเทพฯ พิมพ์ครั้งที่ 1:
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, 2556.
6.ศูนย์สื่อสารสาธารณะกรมอนามัย. (2563). สธ. จัด‘วิวาห์สร้างชาติ’มุ่งสร้างประชากรคุณภาพแก้ปัญหา‘เด็กเกิด
น้อย ด้อยคุณภาพ.
7.จุฬาภรณ์ โสตะ. (2546). กลยุทธ์การพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ.ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
8.Salgues, M., Damase-Michel, C., Montastruc, J. L., & Lacroix, I. (2017). [Women's knowledge of folic acid]. Therapie, 72(3), 339-343.
9.Yamamoto, S., & Wada, Y. (2018). Awareness, use and information sources of folic acid supplementation to prevent neural tube defects in pregnant Japanese women. Public Health Nutr, 21(4), 732-739.
10. Rofail, D., Colligs, A., Abetz, L., Lindemann, M., & Maguire, L. (2012). Factors contributing to the success of folic acid public health campaigns. Journal of public health (Oxford, England), 34(1), 90-99. doi:10.1093/pubmed/fdr048.
11.Rodrigues, C. R., & Dipietro, N. A. (2012). Knowledge of folic acid and counseling practices among
Ohio community pharmacists. Pharm Pract (Granada), 10(3), 168-172. doi:10.4321/s1886-36552012000300007.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
สหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์และสิทธิของผู้นิพนธ์ในการเผยแพร่ผลงานวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ความถูกต้องตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล ทั้งนี้ วารสารกำหนดนโยบายดังต่อไปนี้
|
1. การยอมรับเงื่อนไขการเผยแพร่ - ผู้นิพนธ์ที่ส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ ต้องปฏิบัติตามนโยบายและเงื่อนไขการเผยแพร่ของวารสารโดยเคร่งครัด - การส่งบทความถือเป็นการยอมรับให้นำบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและการเผยแพร่ตามมาตรฐานของวารสาร |
|
2. การโอนลิขสิทธิ์ - เมื่อบทความได้รับการตอบรับเพื่อตีพิมพ์ ผู้เขียนโอนลิขสิทธิ์ของบทความให้แก่วารสาร - วารสารมีสิทธิ์เผยแพร่ ทำซ้ำ และเผยแพร่บทความในทุกรูปแบบ ทั้งสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อออนไลน์อื่น ๆ |
|
3. สิทธิ์ของผู้นิพนธ์หลังการโอนลิขสิทธิ์ - ผู้นิพนธ์ยังคงมีสิทธิ์ใช้บทความเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัยส่วนบุคคล การใช้ประกอบวิทยานิพนธ์ หรือการเผยแพร่ในแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ - การนำบทความไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากวารสารก่อนเป็นลายลักษณ์อักษร |
|
4. การเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะ (Creative Commons License) - บทความทั้งหมดในวารสารจะเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) - บุคคลอื่นสามารถเผยแพร่หรือแบ่งปันบทความได้โดยต้องให้เครดิตแก่ผู้นิพนธ์ต้นฉบับ แต่ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ |
|
5. ความถูกต้องของเนื้อหาและการใช้สื่อจากบุคคลที่สาม - ผู้เขียนต้องรับรองว่าบทความที่ส่งเพื่อตีพิมพ์เป็นผลงานต้นฉบับของตนเอง ไม่ได้ส่งซ้ำซ้อน (duplicate submission) และไม่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น รวมถึงไม่มีการปลอมแปลงข้อมูล การตีพิมพ์ซ้ำ หรือการกระทำใด ๆ ที่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางวิชาการ - ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตใช้สื่อจากบุคคลที่สาม เช่น ภาพ ตาราง หรือกราฟิก และต้องอ้างอิงหรือให้เครดิตอย่างถูกต้องน |
|
6. ข้อจำกัดความรับผิดชอบ (Disclaimer) - บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร - ข้อความ ข้อมูล และข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่ละท่านโดยตรง มิได้สะท้อนถึงทัศนะหรือจุดยืนของกองบรรณาธิการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - หากบทความมีข้อผิดพลาดหรือการละเมิดสิทธิ์ใด ๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว - การนำบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบรรณาธิการวารสารก่อน ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำคำชี้แจงเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานอย่างชัดเจน การใช้บทความในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว |

