การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านแบบออนไลน์ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับเครี่องมือดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครู

ผู้แต่ง

  • กอบสุข คงมนัส คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • กิตติพงษ์ พุ่มพวง คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

ห้องเรียนกลับด้านแบบออนไลน์, โครงงานเป็นฐาน, เครี่องมือดิจิทัล, สมรรถนะดิจิทัล, นิสิตวิชาชีพครู

บทคัดย่อ

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ สมรรถนะด้านดิจิทัลของนักศึกษาครูจึงเป็นทักษะจำเป็นที่ต้องได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ การสื่อสาร การสร้างสรรค์เนื้อหา และความปลอดภัยทางดิจิทัล งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการเรียนการสอนออนไลน์และการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย 2) ศึกษาสมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย 3) พัฒนารูปแบบการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านแบบออนไลน์ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับเครื่องมือดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครู 4) ศึกษาผลการใช้รูปแบบฯ และ 5) เพื่อนำเสนอรูปแบบฯ เป็นวิธีการวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นิสิตวิชาชีพครูระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีการศึกษา 2566 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบสำรวจสมรรถนะดิจิทัล รูปแบบการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านฯ แบบวัดสมรรถนะดิจิทัล แบบประเมินผลงาน แบบสอบถามความพึงพอใจ และแบบรับรองรูปแบบฯ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติประกอบด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบทีแบบกลุ่มไม่เป็นอิสระและการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพผู้สอนจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์และใช้เครื่องมือดิจิทัลหลายชนิดเพื่อส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูและพบปัญหาความไม่พร้อมด้านอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ การมีส่วนร่วมในห้องเรียนออนไลน์และการขาดทักษะการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสร้างสรรค์งาน 2) สมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย ภาพรวมอยู่ในระดับดี (equation=4.00; S.D.=0.87) 3) รูปแบบการเรียนฯ มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ บทบาทผู้สอนและผู้เรียน กระบวนการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านแบบออนไลน์ด้วยโครงงานเป็นฐาน เครื่องมือดิจิทัล และการวัดผลและประเมินผล 4) ผลการใช้รูปแบบฯ 4.1) สมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 4.2) สมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูจากผลงานโครงงาน ภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 87.20 ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 4.3) ความพึงพอใจต่อรูปแบบฯ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( equation=4.73; S.D.=0.32) 5) รูปแบบฯ ได้รับการรับรองมีความเหมาะสมในภาพรวมระดับมากที่สุด (equation=4.55; S.D.=0.28) องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย คือ การได้รูปแบบการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านแบบออนไลน์ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับเครื่องมือดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครูที่เรียกว่า OFPD Model ซึ่งส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัล

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

กอบสุข คงมนัส. (2561). เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้: วิถีแห่งการศึกษายุคดิจิทัล. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 20 (4), 279-290.

ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562. (20 มีนาคม 2562). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนพิเศษ 68 ง. หน้า 18-20.

ชิดชไม วิสุตกุล. (2564). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับแนวคิดห้องเรียนกลับด้านเพื่อส่งเสริมสมรรถนะด้านการสร้างนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักศึกษาครูระดับบัณฑิตศึกษา. รายงานการวิจัย. สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต.

ประกาศเรื่อง นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. (11 เมษายน 2562). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 47 ก. หน้า 1.

วัชราภรณ์ ประภาสะโนบล. (2564). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาครูโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับการสอนแบบสร้างสรรค์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของนักเรียน. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร.

วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2564). สมรรถนะดิจิทัล: Digital Competency. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ผู้นำนวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (5 กุมภาพันธ์ 2568). คู่มือการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัล (Digital Competency) สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2568, จาก https://www.kroobannok.com/92442

Anggoro, K. J., et al. (2023). Utilization of Flipped Classrooms for English Instruction during the COVID-19 Pandemic. MEXTESOL Journal. 47 (2), 1-8.

Changpueng, P and Pattanapichet, F. (2024). The Development of a Full Online Flipped Classroom Instructional Model for Enhancement of Engineering Students’ English Meeting Skills and Learning Engagement. PASAA. 68 (1), 337–374.

Hart, J. (2 September 2024). Top 100 Tools for Learning 2024. Retrieved January 6, 2025, from https://toptools4learning.com/

Lapitan, L. D. S., et al. (2023). Design, Implementation, and Evaluation of an Online Flipped Classroom with Collaborative Learning Model in an Undergraduate Chemical Engineering Course. Education for Chemical Engineers. 43, 58–72. DOI:10.1016/j.ece.2023.01.007

Pimdee, P., et al. (2024). Enhancing Thai Student-teacher Problem-solving Skills and Academic Achievement through a Blended Problem-based Learning Approach in Online Flipped Classrooms. Heliyon. 10 (7), e29172.

Poore, M. (2013). Using Social Media in the Classroom: A Best Practice Guide. Thousand Oaks: SAGE Publications.

Redecker, C. (2017). European Framework for the Digital Competence of Educators (DigCompEdu). Luxembourg: Publications Office of the European Union.

UNESCO. (2018). UNESCO ICT Competency Framework for Teachers. Paris: The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization.

วารสารบัณฑิตแสงโคมคำ #JSBS #มจร. พะเยา

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-18

รูปแบบการอ้างอิง

คงมนัส ก., & พุ่มพวง ก. (2025). การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านแบบออนไลน์ด้วยโครงงานเป็นฐานร่วมกับเครี่องมือดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัลของนิสิตวิชาชีพครู. วารสารบัณฑิตแสงโคมคำ, 10(3), 22–44. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jsbs/article/view/278090