การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหนองคู โดยใช้แบบฝึกทักษะทางการเรียน

Main Article Content

กมลกาญจน์ อุทัยเรือง
สมควร นามสีฐาน
พระสงวน วงศ์เสาเนา
หาญ เถาตาจันทร์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะบูรณาการเชิงพุทธโดยใช้สมาธิเป็นฐาน วิชาเศรษฐศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาเศรษฐศาสตร์ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะ และเพื่อประเมินความพึงพอใจในการใช้แบบฝึกทักษะวิชาเศรษฐศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ตามแบบแผนการวิจัย
แบบกลุ่มเดียวทดลองก่อนหลังเรียน นักเรียนจำนวน 30 คน ที่ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาแบบฝึกทักษะบูรณาการเชิงพุทธโดยใช้สมาธิเป็นฐานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบด้วยเนื้อหาแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องผู้ผลิต
ผู้บริโภค แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องภาษีและประโยชน์ของภาษี พบว่า นักเรียน ทำคะแนนแบบฝึกทักษะก่อนเรียนรายแผนได้คะแนนเฉลี่ย 43.95 คิดเป็นร้อยละ 87.90 และทำแบบฝึกหัดหลังเรียนรายแผนได้คะแนนเฉลี่ย 91.81 มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 = 87.90/91.81 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะทักษะ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะบูรณาเชิงพุทธโดยใช้สมาธิเป็นฐานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังการเรียน สูงกว่าคะแนนก่อนเรียน ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อแบบฝึกทักษะสาระเศรษฐศาสตร์ พบว่าระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อแบบฝึกทักษะสาระวิชาเศรษฐศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อุทัยเรือง ก., นามสีฐาน ส. ., วงศ์เสาเนา พ., & เถาตาจันทร์ ห. (2022). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหนองคู โดยใช้แบบฝึกทักษะทางการเรียน. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 9(4), 328–337. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jg-mcukk/article/view/255090
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมวิชาการ. (2546). การจัดสาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).

กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)

ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 5(1), 7-20.

ปราณี กองจินดำ. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะการคิดเลขในใจของนักเรียนที่ได้รับการสอนตามรูปแบบซิปปา โดยใช้แบบฝึกหัดที่เน้นทักษะการคิดเลขในใจกับนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้คู่มือครู. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา.

ผสมพร ประจันตะเสน. (2550). การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศของไทย. ม.ป.พ.

พระอธิการมาวิน จนฺทธมฺโม (อ้วนจี). (2561). การพัฒนาชุดการสอนสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้พุทธวิธีการสอน เรื่อง เบญจศีลเบญจธรรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านผึ้งวิทยาคม จังหวัดนครพนม. (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พิทักษ์ ตรุษทิม. (2548). ความพึงพอใจของประชาชนต่อระบบและกระบวนให้บริการของกรุงเทพมหานครศึกษากรณีสำนักงานเขตยานนาวา. (วิทยานิพนธ์พัฒนบริหารศาสตร์สาขาวิชาพัฒนาสังคม). กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.

Lai and Viering. (May 2019). Developing a performance assessment task in the Finnish British. Journal of EducationalPsychology, 89(1)

Luterbach, Kenneth J., and Carol Brown. (2011). Education for the 21st century. International Journal of Applied Educational Studies, 11(1), 14.

Osman, K & Marimuthu, N.,. (2010). Setting new learning targets for the 21 century science education in Malaysia. Procedia Social and Behavioural Sciences, 2, 3737-3741.