แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา ในอำเภอซำสูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาอำเภอซำสูง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาอำเภอซำสูงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยมีประชาการและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูในกลุ่มโรงเรียนอำเภอซำสูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 จำนวน 149 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอซำสูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4
ผลการวิจัยพบว่า 1. การศึกษาสภาพปัจจุบันของภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอซำสูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 โดยภาพรวมอยู่
ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
รองลงมา คือ ด้านการปฏิสัมพันธ์ ด้านการโน้มน้าวจิตใจ ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านการบริหารเชิงกลยุทธ์
2. การศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอซำสูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 ได้แก่ 1) ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้บริหารควรมีการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติการใช้สื่อเทคโนโลยี ที่หลากหลายในการบริหารจัดการการศึกษาภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 2) ด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ผู้บริหารควรบริหารจัดการการศึกษาด้วยความเสมอภาค ให้เกียรติกัน และมีการทำงานอย่างกัลยาณมิตร 3) ด้านการโน้มน้าวจิตใจ ผู้บริหารควรสร้างวัฒนธรรมในการร่วมมือกันทำงาน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การยอมรับฟังความคิดเห็นของกันและกันให้เกิดขึ้นในองค์กร 4) ด้านการบริหารเชิงกลยุทธ์. ผู้บริหารควรเปิดใจให้กว้าง รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำตัวเป็นกันเอง เข้าพบได้ง่าย และลดช่องว่างระหว่างบุคคล และ 5) ด้านการปฏิสัมพันธ์. ผู้บริหารควรสร้างความเชื่อถือ ความเชื่อมั่น สร้างความคุ้นเคย ความเป็นกันเอง และลดช่องว่างระหว่างบุคคลให้เกิดขึ้นในองค์กร และผลการประเมินความเหมาะสม ความสอดคล้อง และความเป็นไปได้ของแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอซำสูงสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภณฑ์.
จิรประภา อัครบวร. (2549). ทักษะภาวะผู้นำ. สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์. กรุงเทพฯ: มัลติอินฟอเมชั่นเทคโนโลยี.
นฤมล คูหาแก้ว. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อสมรรถนะการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
นิสาชล นามสบาย และคณะ. (2562). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2562, จาก http://www.edu.nstru.ac.th/
สมหมาย อ่าดอนกลอย. (2556). สภาพ ปัญหา และแนวทางพัฒนาสมรรถนะครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4. (2561). แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2561. ขอนแก่น: กลุ่มนโยบายและแผน.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4. (256). รายงานผลการดำเนินงานนิเทศติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ขอนแก่น เขต 4. ขอนแก่น: กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2556). แนวทางคำชี้แจงการประเมินสมรรถนะครู. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุวัฒน์ จุลสุวรรณ์. (2563). การบริหารโรงเรียนตามแนวปฏิรูปการศึกษา. วารสารวิชาการ, 5(6), 29-30.
ศรสวรรค์ บุญณกรณ์ชัย. (2561). สติถิประยุกต์สำหรับการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรสา มาสิงห์ (2562). การพัฒนาสมรรถนะครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
อัจฉณพร หิรัญอมรกุล. (2556). มาตรฐานสมรรถนะครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์. (2547). แนวคิดเรื่องสมรรถนะ Competency : เรื่องเก่าที่เรายังหลงทาง. Chulalongkon Review, 16(3), 57-72.
อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์. (2552). Competency Dictionary. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: บริษัท เอช อาร์ เซนเตอร์ จำกัด.
อรอุมา รุ่งเรืองวณิชกุล. (2556). การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูนักวิจัยด้วยการบูรณาการ เรียนรู้ สำหรับงข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2. (ดุษฎีนิพนธ์สาขาการศึกษาผู้ใหญ่). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
อุทุมพร จามรมาน. (2544). การวิจัยทางการศึกษา ในประมวลสาระชุดวิชาการวิจัยและสถิติ และสถิติทางการศึกษา หน่วยที่ 1. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
Brog, W.R. & Gall, M.D. (1989). Educational Research. New York: Longman.
Dotun Adebanjo. (2010). An Investigation of the Adoption and Implementation of Benchmarking. International Journal of Operations & roductionManagement, 30(11), 1140-1169.
Hamdan, A.R., M.G. Najib and L.H.L. Ting. (2010). Teaching Competency Testing Among Malaysian School Teachers. European Journal of School Sciences, 12(4), 610-616.
Hendry Raharjo. (2010). Dynamic Benchmarking Methodology for Quality Function Deployment. Benchmarking : An International Journal, 17(1)