นวัตกรรมเชิงนิเวศน์, นวัตกรรมรากหญ้า กับการสนับสนุนเป้าหมาย การพัฒนาอย่างยั่งยืน 2030 : พหุกรณีศึกษาวิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนินกิจการวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) 2) ศึกษาศักยภาพของนวัตกรรมทางสังคมรูปแบบใหม่ (นวัตกรรมเชิงนิเวศน์ (Eco innovation) และนวัตกรรมรากหญ้า (Grassroots innovations)) ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความมีสัมฤทธิผลตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs 2030) และ
3) เสนอแนวทางในการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs 2030) อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการศึกษาแบบพหุกรณีศึกษา จากกลุ่มเป้าหมาย คือ วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs)
ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แก่จังหวัดเลย จังหวัดอุดรธานี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย และจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ แบบพหุกรณีศึกษา จังหวัดละ 1 กรณี
ผลการวิจัยพบว่า
ข้อที่ 1 ปัญหา อุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนิน กิจการวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) พบว่า 1) ขาดความร่วมมือและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้แสดงสำคัญใน
การพัฒนา MSMEs 2) การเข้าถึงแหล่งเงินทุนมีข้อจำกัด 3) ขาดแคลนหรือมีข้อจำกัดในการเข้าถึง
ข้อมูลต่าง ๆ และเทคโนโลยี 4)ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้และทักษะเกี่ยวกับเศรษฐกิจสีเขียว
5) ขาดแคลนปัจจัยขั้นพื้นฐาน
ข้อที่ 2 ศักยภาพของนวัตกรรมทางสังคมรูปแบบใหม่ (นวัตกรรมเชิงนิเวศน์ (Eco innovation) และนวัตกรรมรากหญ้า (Grassroots innovations)) ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความมีสัมฤทธิผล
ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs 2030) แบ่งเป็นด้าน ๆ ได้ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ หมายถึง
การเจริญเติบโต บรรลุเป้าหมายตามข้อที่ 8, 9 ด้านสังคม หมายถึง ความป้องกันสิ่งแวดล้อม บรรลุเป้าหมายตามข้อที่ 1, 2, 3, 4, 5, 10, 11, 13, 14, 16 ด้านสิ่งแวดล้อม หมายถึง การป้องกันสิ่งแวดล้อม บรรลุเป้าหมายตามข้อที่ 12, 13, 15
ข้อที่ 3 เพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs 2030) อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สร้างแผนที่เชื่อมโยงระบบนิเวศน์นวัตกรรมจังหวัดกับระบบนิเวศน์นวัตกรรมแห่งชาติให้มีความสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์และความมีสัมฤทธิผลต่อศักยภาพในการพัฒนา MSMEs ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
การพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs 2030)
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กรมประชาสัมพันธ์. (2560). แนวคิดธุรกิจแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Business) คือ กุญแจสำคัญที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจอาเซียน. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2564, จาก http://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=182784& filename=index5
จุฑาทิพย์ ภัทราวาท และคณะ. (2561). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์“การพัฒนาธุรกิจแบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม: กรณีศึกษาธุรกิจข้าวสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ. (2544). ธุรกิจชุมชน เส้นทางที่เป็นไปได้. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. บริษัท ดี มีสุข (ไม่) จำกัด. (2562). we grow the community for you เราปลูกชุมชนสำหรับคุณ. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2564, จาก https://www.facebook.com/deemeesookTHAI/photos/a.219300192130215/
ประเวศ วะสี. (2535). การพัฒนาพลังสร้างสรรค์ระดับองค์กร. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน.
รังสิตา บุญโชติ และ อาแว มะแส. (2559). การมีส่วนร่วมในวิสาหกิจชุมชนกับคุณภาพสังคมของประชาชน ในชุมชนท่าข้าม ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. ใน การประชุมวิชาการระดับชาติ การบริหารการพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร ประจำปี 2559 (หน้า 106-119). กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
สัญญา เคณาภูมิ. (2558). แนวทางการพัฒนาประสิทธิผลของวิสาหกิจชุมชนในเขตพื้นที่จังหวัด มหาสารคาม. วารสารวิชาการแพรวากาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, 2(3), 68-85.
Harrison. (2012). Principles of Internal Medicine. New York: McGraw-Hill.Mac Callum, Abid Mehmood, and Abdelillah Hamdouch.
________. (2013). The International Handbook on Social Innovation: Collective Action, Social Learning and Trans
disciplinary Research. edited by Frank Moulaert, Diana Cheltenham, U.K. and Northampton, Massachusetts: Edward Elgar.
Vienna Declaration. (2011). The most relevant topics in social innovation research” Conference Declaration: Challenge Social Innovation Conference: Innovating by research: 100 years after Schumpeter Vienna, Austria, 19th- 21st September 2011. Available Online at : http://www.socialinnovation2011.eu/wp-content/uploads/2011/09/ViennaDeclaration_final_10Nov2011.pdf