การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคต ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดกิจกรรมแนะแนวด้วยรูปแบบการสอนคิดแก้ ปัญหาอนาคต
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดกิจกรรมแนะแนวด้วยรูปแบบการสอนคิดแก้ปัญหาอนาคต ให้นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคต เฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และมีนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป และ 2) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในกิจกรรมแนะแนวด้วยรูปแบบการสอนคิดแก้ปัญหาอนาคต กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนจระเข้วิทยายน จำนวน 20 คน รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ประกอบด้วย 3 วงจรปฏิบัติการ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1) เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติการ คือแผนการจัดการเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว โดยใช้รูปแบบการสอนคิดแก้ปัญหาอนาคต จำนวน 6 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้สะท้อนผลการปฏิบัติการ ประกอบด้วย แบบบันทึกการสอนของครู แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนการสอน แบบสัมภาษณ์นักเรียน แบบทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคตท้ายวงจร เป็นข้อสอบแบบ อัตนัย จำนวน 6 ข้อ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการวิจัย ประกอบด้วย แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคต เป็นแบบข้อสอบอัตนัย จำนวน 6 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมแนะแนวโดยใช้รูปแบบการสอนคิดแก้ปัญหาอนาคต มีลักษณะเป็น จำนวน 20 ข้อ 1) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ คือด้านความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคต โดยใช้การค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และคำนวณค่าร้อยละ (%) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า 1) นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคตเฉลี่ย () เท่ากับ 21.50 คิดเป็นร้อยละ 89.58 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ 17 คน คิดเป็นร้อยละ 85.00 ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคิดแก้ปัญหาอนาคต ภาพรวมพบว่า มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคิดแก้ปัญหาอนาคตในระดับมากที่สุด ( = 4.51, S.D. = 0.59) เมื่อนำมาพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า รายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกในการระบุปัญหาที่สำคัญที่สุด ( = 4.80, S.D. = 0.41) รองลงมาคือ ส่งเสริมให้นักเรียนได้คิดหาแนวทางในการแก้ปัญหา ( = 4.75, S.D. = 0.44)
คำสำคัญ : กิจกรรมแนะแนว; การสอนคิดแก้ปัญหาอนาคต; ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอนาคต
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Apinapus Chitrakorn. (2015). A Development of Collaborative Blended Learning Using
Problem Solving Techniques to Promote Creativity in Graphic Design on Instructional
Media of Pre-service Teacher Students. Silpakorn University.
Crabbe, Anne B. (1989). The Coach’s Guide to the Future Problem Solving Program.
St. Andrews college Laurinburg, North Carolina.
Chorakhe Witthayayon School. (2019). Student Report. Student Affairs Department of
Chorakhe Witthayayon School. (in thai)
Hongsunee Uarattanaraksa. (1993). The Development of Creative Thinking of Prathom
Suksa Five Students by Using Torrance’s Future Problem Solving Model.
A Thesis Submitted in Partial Fulfilment of the Requirements for the Degree of
Master of Education Graduate School. Chulalongkorn University.
Kemmis, S & McTaggart, R. (1988). The Action Research Planer (3rd ed). Victoria : Deakin
University
Ministry of Education. (2008). Basic Education Core Curriculum. Bangkok of Thailand.
Suwit Munkham. (2012: ). Complete thinking. Bangkok: Parbpim. (in thai)
Saksit Pavaputanon. (2015). The Development the Future Problem Solving Skill Support and
Improvement Program for Grade 8. Mahasarakham University.
Sukunya Srisacorn. (2004). The Development of Problem Solving Ability of Eighth Grade
Students Taught by Future Problem Solving Technique. A Thesis Submitted in Partial
Fulfillment of the Requirements for the Degree Master of Education Department of Curriculum and Instruction Graduate School. Silpakon University.
Sukunya Yutithammanon. (1996). Effect of Using Torrance’s Future Problem Solving
Process on Problem Solving Ability of Prathom Suksa Six Students. A Thesis Submitted in Partial Fulfilment of the Requirements for the Degree of Master of Education Graduate School. Chulalongkorn University.
Wichan Panich. (2013). Learning paths for students in the 21st century. Bangkok: Sodsri-
Saridwongso Foundation. (in thai)
Wichai Wongyai & Marut Patphol. (2013). Basic Education Core Curriculum to the new
paradigm school curriculum. Charansanitwong Printing Co., Ltd. Bangkok.