การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี : กรณีศึกษาเยาวชนไทยในจังหวัดขอนแก่น

Main Article Content

พระครูภาวนาโพธิคุณ (สมชาย กนฺตสีโล)
พระวิมาน คมฺภีรปญฺโญ
พระมหาณัฐกิตติ อนารโท
พระสมบัตร ฐิตญาโณ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนไทยเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีผลต่อพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนไทยและเพื่อศึกษาการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนไทยในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นงานวิจัยแบบผสานวิธี โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์และการแจกแบบสอบถามทั้งก่อนและหลังการอบรมจริยธรรม พร้อมกับนำเสนอผลการวิจัยในเชิงพรรณาวิเคราะห์


              ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมละเมิดจริยธรรมของเยาวชนไทยมีความสอดคล้องกับการละเมิดศีล ๕ โดยมีระดับความคิดเห็นของเยาวชนเกี่ยวกับพฤติกรรมการละเมิดจริยธรรมทั้งก่อนและหลังการอบรม ดังนี้ (๑) ปาณาติปาตา พฤติกรรมที่มีลักษณะรุนแรงมากที่สุด ก่อนการอบรมเห็นว่าเป็นการทรมานทำร้ายสัตว์ ร้อยละ ๔๙.๔ส่วนหลังการอบรมเห็นว่าเป็นการฆ่าผู้อื่น ร้อยละ ๖๒.๖(๒) อทินนาทานา พฤติกรรมที่มีลักษณะทุจริตมากที่สุด ซึ่งเห็นเหมือนกันทั้งก่อนและหลังการอบรมว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น แต่มีระดับความคิดเห็นไม่เท่ากัน คือ ก่อนการอบรมร้อยละ ๖๒.๔และหลังจากการอบรม ร้อยละ ๖๑.๖ (๓) กาเมสุมิจฉาจารา พฤติกรรมที่เกี่ยวกับการละเมิดจริยธรรมทางเพศมากที่สุดเหมือนกัน คือ การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ก่อนการอบรม ร้อยละ ๘๐.๔ และหลังการอบรม ร้อยละ ๘๓.๑ (๔) มุสาวาทา พฤติกรรมที่มีลักษณะผิดจริยธรรมการสื่อสารมากที่สุดเหมือนกัน คือ การพูดคำหยาบ มีค่าเฉลี่ยก่อนการอบรม ร้อยละ ๕๙.๖ส่วนหลังจากอบรมร้อยละ ๕๙.๘และ (๕) สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานาพฤติกรรมผิดจริยธรรมที่มีลักษณะมึนเมามากที่สุดก่อนการอบรมเห็นว่าเป็นการเล่นการพนัน ร้อยละ ๗๑.๒ และหลังการอบรมเห็นว่าเป็นการขาดสติสัมปชัญญะ ร้อยละ ๗๒.๒ ส่วนสาเหตุของการละเมิดจริยธรรมของเยาวชนไทยมากที่สุดก่อนการอบรม คือ การมีสิ่งยั่วยุมากขึ้น ร้อยละ ๗๘.๘และหลังการอบรม คือ ปัญหาส่วนตัวของเยาวชน ร้อยละ ๗๓.๔โดยปัจจัยที่ทำให้เยาวชนไทยละเมิดจริยธรรมมากที่สุดเป็นปัญหาทางครอบครัว โดยค่าเฉลี่ยก่อนการอบรม ร้อยละ ๙๓.๖และหลังการอบรมลดลงเหลือร้อยละ ๗๖.๓ส่วนผลจากการละเมิดจริยธรรมของเยาวชนไทยมากที่สุดก่อนการอบรม คือ มีผลทำให้ติดสิ่งเสพติดและอบายมุข ร้อยละ ๖๙.๖และหลังการอบรมเห็นว่าจะทำให้ผลการเรียนตกต่ำ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ ๗๔.๘


              ในขณะที่ผลการวิจัยในประเด็นที่ว่าเทคโนโลยีมีผลต่อพฤติกรรมละเมิดจริยธรรมมากที่สุดโดยเห็นว่าทำให้มีสื่อกระตุ้นการละเมิดจริยธรรมมากขึ้นทั้งก่อนและหลังการอบรมซึ่งก่อนการอบรมมีค่าเฉลี่ยร้อยละ ๖๓.๖และหลังการอบรมมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๗๓.๒ส่วนเทคโนโลยีที่มีผลต่อการส่งเสริมพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนไทยมากที่สุดก่อนการอบรมเห็นว่าสามารถค้นคว้าธรรมะได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีค่าเฉลี่ยร้อยละ ๕๗.๔และหลังการอบรมเห็นว่าทำให้มีเครื่องมือในการเรียนรู้ธรรมะได้ดีขึ้น ร้อยละ ๖๘.๐


              ส่วนผลการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนพบว่า เยาวชนมีความต้องการให้ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมมากที่สุด ร้อยละ ๖๘.๒โดยการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมแก่เยาวชนควรตระหนักถึงความเหมาะสมของวัยและการรับรู้และจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่มีลักษณะละเมิดจริยธรรมของเยาวชน สาเหตุของการละเมิดจริยธรรม ปัจจัยที่มีผลต่อการละเมิดจริยธรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรม รวมทั้งประเมินผลกระทบจากการละเมิดจริยธรรมด้วย เมื่อมีฐานข้อมูลแล้วจึงกำหนดกระบวนการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมได้ตรงกับสภาพและปัญหา โดยกระบวนการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมสอดคล้องกับหลักธรรมภาวนา ๔ ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาชีวิต ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) กายภาวนา การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมทางด้านร่างกาย ซึ่งเป็นการพัฒนาสุขภาวะทางร่างกายไปพร้อมกับจริยธรรมทางร่างกาย(๒) สีลภาวนา การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสังคมและสิ่งแวดล้อมจะทำให้เกิดการปรับตัวและเป็นระบบควบคุมพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนทั้งทางตรงและทางอ้อม(๓) จิตตภาวนา การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมทางด้านจิตใจ ซึ่งจะส่งผลให้เยาวชนมีสุขภาวะทางด้านจิตใจ เมื่อมีความสุขทางใจแล้วย่อมแสดงพฤติกรรมดีงาม โดยจิตใจก็จะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมเชิงจริยธรรมต่อไป และ (๔) ปัญญาภาวนา การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมทางด้านปัญญา ซึ่งเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ ความเข้าใจสัมมาทิฏฐิและทัศนคติดีงาม ส่งผลให้เยาวชนมีความสุขทางด้านปัญญา เข้าใจชีวิตและโลกตามความเป็นจริง ดำเนินชีวิตโดยใช้ปัญญาเชิงสร้างสรรค์ และมีการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมมากขึ้น


              การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมจึงมีความสัมพันธ์กับเยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ทั้งลักษณะของปัญหาการละเมิดจริยธรรม ระดับอายุ ระดับการรับรู้ และจัดกระบวนการพัฒนาจริยธรรมให้เหมาะสมกับบริบททางสังคม โดยการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาจริยธรรม ซึ่งสามารถพัฒนาการใช้เทคโนโลยีไปพร้อมกับการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมไปด้วย ซึ่งควรจัดฐานการพัฒนาจริยธรรมท่ามกลางสังคมแห่งเทคโนโลยีให้ครอบคลุม ๔ ฐาน ได้แก่ การควบคุมและพัฒนาพฤติกรรมการใช้อย่างเหมาะสม ซึ่งจัดเข้าในการพัฒนาฐานกายภาวนา การใช้เทคโนโลยีโดยไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่นไม่ละเมิดสิทธิ์คนอื่น ไม่ละเมิดกฎหมายและไม่ขัดกับหลักศีลธรรม จัดเข้าในการพัฒนาฐานศีลภาวนา ส่วนการใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทันโดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของสื่อประเภทยั่วยุและการใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ จัดเข้าในการพัฒนาฐานจิตตภาวนา และการใช้เทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่า การตระหนักถึงคุณค่าแท้ของเทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลและสร้างสรรค์รวมทั้งการพิจารณาแล้วจึงใช้เพื่อการพัฒนาชีวิต และเพื่อความเกื้อกูลต่อสังคมและโลก จัดเข้าในการพัฒนาฐานปัญญาภาวนา ซึ่งจำเป็นต้องมีการออกแบบกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาจริยธรรมแก่เยาวชนให้ครอบคลุมทั้ง ๔ ฐาน ซึ่งจะทำให้มีกระบวนการพัฒนาสุขภาวะเชิงจริยธรรมและจะส่งผลให้เยาวชนเป็นคนดีไปพร้อมกับการมีความสุขในการดำเนินชีวิตด้วย

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
(สมชาย กนฺตสีโล) พ., คมฺภีรปญฺโญ พ. ., อนารโท พ. ., & ฐิตญาโณ พ. (2019). การพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของเยาวชนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี : กรณีศึกษาเยาวชนไทยในจังหวัดขอนแก่น. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 6(4), 701–715. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jg-mcukk/article/view/228953
ประเภทบทความ
บทความวิจัย