การออกแบบสร้างสรรค์นาฏศิลป์ไทยในรูปแบบระบำจากอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ: ระบำพระราชลัญจกร
คำสำคัญ:
การออกแบบ, สร้างสรรค์, นาฏศิลป์ไทย, รูปแบบระบำบทคัดย่อ
การแสดงนาฏศิลป์ไทยในรูปแบบระบำ เป็นการแสดงนาฏศิลป์ไทยรูปแบบหนึ่งที่มีความงดงามทั้งในด้านกระบวนท่ารำ เครื่องแต่งกาย และการแปรแถวที่หลากหลายทำให้เกิดสุนทรียะในการแสดง โดยการแสดงในรูปแบบระบำมีจุดมุ่งหมายอยู่หลายประการ ซึ่งการแสดงรูปแบบระบำที่สะท้อนอัตลักษณ์ขององค์กร เป็นรูปแบบหนึ่งที่บ่งชี้ลักษณะเฉพาะขององค์กรผ่านการสร้างสรรค์ในแต่ละองค์ประกอบของศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทยได้เป็นอย่างดี ดังการแสดงชุด ระบำพระราชลัญจกร ที่อาจารย์ ดร.สุนันทา เกตุเหล็ก ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี โดยนำความหมายของสีที่ปรากฏในตราสัญลักษณ์พระราชลัญจกร ได้แก่ สีน้ำเงินที่สื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ สีเขียวที่สื่อถึงสถานที่ตั้งในแหล่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สีทองที่สื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองทางภูมิปัญญา สีส้มที่สื่อถึงความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และสีขาวที่สื่อถึงความคิดอันบริสุทธิ์ของนักปราชญ์ มาออกแบบสร้างสรรค์ตามองค์ประกอบของการแสดง เช่น บทร้องได้ประพันธ์ในรูปแบบกลอนสุภาพ กระบวนท่ารำใช้การตีความหมายตามบทร้องผสมผสานกับจินตนาการของผู้สร้างสรรค์ และแต่งกายแบบนางใน โดยยึดสีของเครื่องแต่งกายตามสีที่ปรากฏในตราสัญลักษณ์พระราชลัญจกรที่อยู่บนพื้นฐานของการรักษา สืบสาน และสร้างสรรค์ศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทย
References
ฉันทนา เอี่ยมสกุล. (2554). ศิลปะการออกแบบท่ารำ (นาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์). กรุงเทพฯ: บพิธการพิมพ์.
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. (ม.ป.ป.). ความหมายของสีในตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. สืบค้นจาก https://dru1.dru.ac.th/badge/
สุมิตรา ศรีวิบูลย์. (2547). การออกแบบอัตลักษณ์: Corporate Identity. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: เลิฟแอนด์ลิฟเพรส.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- บทความในวารสารวิชาการมนุษย์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์ ไม่ใช่ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ และไม่ใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการและ/หรือของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
- บทความที่ได้รับตีพิมพ์จะมีการตรวจความถูกต้องเหมาะสมจากกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง (peer review) จำนวน 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ทราบผู้นิพนธ์ และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (double-blind peer review)