โรคสมาธิสั้น: แนวทางการช่วยเหลือในโรงเรียน
คำสำคัญ:
โรคสมาธิสั้น การช่วยเหลือ การพัฒนาทักษะบทคัดย่อ
สมาธิสั้น เป็นกลุ่มอาการที่แสดงให้เห็นได้ตั้งแต่วัยเด็ก เกิดจากความผิดปกติในการทางานของสมอง ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเข้าสังคม และการเรียนรู้ของเด็ก ประกอบด้วย 3 กลุ่มอาการหลัก คือ อาการขาดสมาธิ (Inattention) อาการซน อยู่ไม่นิ่ง (Hyperactivity) และอาการหุนหันพลันแล่น (Impulsiveness) โดยเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ในวัยเด็ก และส่วนใหญ่มักเป็นต่อเนื่องไปจนถึงวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่หากไม่ได้รับการรักษาช่วยเหลือที่ดีอาการความผิดปกติที่เป็นจะทำให้เกิดผลกระทบทั้งในด้านการเรียน อาชีพ ครอบครัว และสังคม การรักษาโรคสมาธิสั้นต้องอาศัยการช่วยเหลือหลายวิธีร่วมกัน ได้แก่ การให้คำแนะนำแก่พ่อแม่ การช่วยเหลือทางด้านจิตใจ การช่วยเหลือในด้านการเรียน และการใช้ยาจากแพทย์
บทบาทครูการช่วยแก้ปัญหาในการเรียน ถ้าสามารถหาสาเหตุและได้รับการแก้ไขในแนวทางที่ถูกต้องก็จะช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้เต็มตามศักยภาพและเหมาะสมตามวัยสมาธิสั้น โรงเรียนควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับเด็ก การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เป็นมิตร การเป็นต้นแบบที่ดี(Role model) ในการเคารพความเป็นมนุษย์ การเห็นคุณค่าในความพยายามเปลี่ยนแปลง การรู้จักชื่นชมในจุดดีมากกว่าจ้องจับผิดของครู แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากมายได้เช่นกันเนื่องจากสมาธิเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเรียนรู้และการใช้ชีวิตประจำวันต่อไป
เอกสารอ้างอิง
ทวีศิลป์ วิษณุโยธินและคณะ. (2557). ความชุกโรคสมาธิสั้นในประเทศไทย. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 21(2), 66 – 75.
ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2560). สมาธิสั้น. [Online]. Available URL: http://www.happyhomeclinic.com/sp03-adhd.htm [2017 june 5].
ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร และคณะ. (2559). คุณสมบัติของแบบคัดกรองโรคสมาธิสั้นชื่อ SNAP-IV และ SDQ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง-สมาธิสั้น (SDQ-ADHD) ฉบับภาษาไทย. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 59(2), 97-110.
เบญจรัตน์ นุชนาฏ์. (2561). พัฒนาการของเด็กวัยเรียน 6 – 12 ปี. [ออนไลน์]. Available from: https://www.gotoknow.org/posts/305008. [2020 june 5].
สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์. (2560). คู่มือความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้น และบทบาทของครูในการดูแลเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น. กรุงเทพฯ : บริษัทสยามพิมพ์นานา จำกัด.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2560). ประชากรของประเทศไทย พ.ศ.2561. [ออนไลน์] Available from: http://www.ipsr.mahidol.ac.th/ipsrbeta/th/gazette.aspx. [4 เมษายน 2563].
ADHD Institute. (2018). Burden of ADHD 2018. [online]. Available from: http://adhd-institute.com/burden-of-adhd/impact-of-adhd/social-impact/. [2020 june 5].
Harpin VA. (2005). The effect of ADHD on the life of an individual, their family, and community from preschool to adult life. Archives of Disease in Childhood. 90, i2-i7.
Puthisri, S. & Yingsaree, S. (2003). The prevalence of psychiatric disorders. Journal of the Psychiatric Association of Thailand. 49, 213-22.
Piyasil, V., & Katumarn P. (2007). Textbook of child and adolescent psychiatry 2nded. Bangkok: Tana Press.
Polanczyk, G., de Lima, MS., Horta, BL., Biederman, J. & Rohde, LA. (2007). The worldwide prevalence of ADHD : a systematic review and metaregression analysis. The American Journal of Psychiatry. 164(6), 942-948.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์เป็นของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม