การใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การสอบ NPU Exit-Exam

ผู้แต่ง

  • วนิดา ถาปันแก้ว คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม
  • อ้อมทิพย์ มาลีลัย คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม
  • ณัฐชาติ ต้องเดช วิทยาลัยธาตุพนม มหาวิทยาลัยนครพนม
  • ปุณทรีย์ เจียวิริยบุญญา คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม

คำสำคัญ:

หลักสูตรเข้มข้น, ทักษะภาษาอังกฤษ

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การสอบ NPU Exit-Exam และวิเคราะห์ความต้องการของนักศึกษาต่อการจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้ายในคณะเกษตรและเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สังกัดวิทยาลัยธาตุพนม วิทยาลัยนาหว้า และวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศรีสงคราม มหาวิทยาลัยนครพนมใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม โดยใช้แบบแผนการวิจัยแบบการเปรียบเทียบกลุ่มแบบคงที่ โดยมีนักศึกษากลุ่มทดลอง จำนวน 264 คน และ กลุ่มควบคุมที่ไม่ได้เข้าร่วมหลักสูตร จำนวน 262 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย เอกสารประกอบการสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น จำนวน 10 บทเรียน และแบบสำรวจความต้องการของนักศึกษาต่อการจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น การดำเนินการทดลองใช้ระยะเวลา 10 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง รวม 30 ชั่วโมง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสอบทีที่เป็นอิสระจากกัน                                                                                      ผลการวิจัย พบว่า                                                                                         1. นักศึกษากลุ่มทดลองมีอัตราการสอบผ่าน NPU Exit-Exam อยู่ที่ ร้อยละ 20.08 ซึ่งสูงกว่านักศึกษากลุ่มควบคุมที่มีอัตราผู้สอบผ่าน NPU Exit-Exam อยู่ที่ ร้อยละ 3.82 โดยนักศึกษากลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 38.37 และกลุ่มควบคุมมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 30.66 เมื่อทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยพบว่า คะแนนเฉลี่ยกลุ่มทดลองมีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01                                                                                                                 2. ระดับความต้องการของนักศึกษาต่อการจัดหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การสอบ NPU Exit-Exam อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 4.51

เอกสารอ้างอิง

กองนโยบายและแผน สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนครพนม. (2560). แผนกลยุทธ์ 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) มหาวิทยาลัยนครพนม. นครพนม: มหาวิทยาลัยนครพนม.

ฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม. (2562). รายงานโครงการเตรียมความพร้อมในการทดสอบ ภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษา. นครพนม: คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม.

มหาวิทยาลัยนครพนม. (2558). ประกาศมหาวิทยาลัยนครพนมเรื่อง การสอบ NPU Exit-exam. นครพนม: มหาวิทยาลัยนครพนม.

สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยนครพนม. (2561). สรปุผลคะแนน สอบ NPU English Exit - Exam ภาพรวมมหาวิทยาลัยนครพนม. นครพนม: สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยนครพนม.

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2559). ประกาศคณะกรรมการการอุดมศึกษา นโยบายการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในสถาบันอุดมศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา.

เสาวณี ทับเพชร. (2559). การพัฒนาระบบการเรียนการสอนเชิงเร่งรัดเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษธุรกิจสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Carington, L. (2010). The Impact of Course Scheduling on Student Success in Intermediate Accounting. Sam Houstan state University 2010 IABR & ITLC Conference proceedings, Orlando, FL, USA.

Daniel, E. L. (2000). A review of time- shortened courses across disciplines. College Student Journal. 34, 298-308.

Henbery, K. (1997). The impact of class schedule on student performance in a financial management course. Journal of Education for Business, 73(2), 114.

Jareonsettasin, T. (2017). Ministry of Education. Retrieved from: http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php NewsID=48458&Key=news2. February 23rd, 2019.

Laila, A. N. (2013). Intensive English for Academic Purpose Program (IEAP): a Proposal for Effective English Language Learning Program for EFL Students in English Education Department Iain Sunan Ampel Surabaya. Indonesia Journal of English Teaching, 1(2), 1-12.

Lare, D., Jablonski, A. M. & Salvattera, M. (2002). Block scheduling: is it cost effective?. The National association of Secondary School Principals, 86(630), 54-70.

Male S., Baillie, C., Hancock, P., Leggoe, J. & MacNish, C. (2017). Intensive mode teaching good practice report. STARS CONFERENCE (p. 108). Australia: UNISTARS.ORG.

Marchant, G. J., & Paulson, S. B. (2001). Differential school functioning in a block schedule: A comparison of academic profiles. High school journal, 84, 12-20.

Nasiri, E. & Shokrpour, N. (2012). Comparison of Intensive and Non-intensive English Course and Their Effects on the Student’s Performance in an EFL University Context. European Scientific Journal, 8(8), 127-137.

Piamsai, C. (2560). An Investigation of Thai Learners’ Needs of English Language Use for Intensive English Course Development. ภาษาปริทัศน์, 32, 63-97.

Rahman, O. (2018). Education. Retrieved from: http://www.daily-sun.com/printversion/details/298585/2018/03/30/Why-Is-It-Important-To-Learn-English-In-21st-Century. February 23rd, 2019.

Reddy, M. S. (2016). Importance of English Language in today’s World. International Journal of Academic Research, 3(4(2)), 179-184. Retrieved from: http://ijar.org.in/stuff/issues/v3-i4(2)/v3-i4(2)-a021.pdf. August 9th, 2019.

Scott, P. A., & Conrad, C. F.(1992). A critique of intensive courses and agenda for research. Higher Education: Handbook of Theory and Research, 8, 411-459.

Veal, W. R., & Flinders, D. J. (2001). How Block Scheduling Reform Effects Classroom Practice. High School Journal, 84(4), 21-31.

Vlachopoulos P., Janb K. S., & Lockyer L. (2019). A comparative study on the traditional and intensive delivery of an online course: design and facilitation recommendation. Research in Learning Technology, 27. Retrieved from: 10.25304/rlt.v27.2196.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-24

รูปแบบการอ้างอิง

ถาปันแก้ว ว., มาลีลัย อ., ต้องเดช ณ., & เจียวิริยบุญญา ป. (2022). การใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การสอบ NPU Exit-Exam. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 19(85), 43–51. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/SNGSJ/article/view/250086

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย