การรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนม
คำสำคัญ:
การรับรู้, กฎหมาย, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนม 2) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนม และ 3) หาแนวทางในการส่งเสริมการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนม กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนม จำนวน 305 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์และพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนม และการประชุมกลุ่มย่อยของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย การแจกแจงความถี่ และใช้สถิติทดสอบไคสแควร์ (chi-square) และวิเคราะห์ข้อมูลการประชุมกลุ่มย่อยโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
- ปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2560 พบว่า 1) เพศต่างกันมีผลการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 3 ข้อ และ 0.05 จำนวน 1 ข้อ โดยเพศชายมีโอกาสที่จะรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์มากกว่าเพศหญิง 2) ระดับการศึกษาต่างกันมีผลการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 2 ข้อ และ 0.05 จำนวน 2 ข้อ โดยนักศึกษากำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวส.1 มีโอกาสที่จะรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์มากกว่าระดับชั้นอื่น 3) ประเภทวิชาต่างกันมีผลการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 2 ข้อ และ 0.05 จำนวน 5 ข้อ โดยนักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในประเภทวิชาพาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ มีโอกาสที่จะรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์มากกว่าประเภทวิชาอื่น 4) ประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์ต่างกันมีผลการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 3 ข้อ และ 0.05 จำนวน 3 ข้อ โดยนักศึกษาที่มีประสบการณ์การใช้คอมพิวเตอร์ระหว่าง 6 - 10 ปี มีโอกาสที่จะรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์มากกว่าประสบการณ์การใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงอื่น
5) ประสบการณ์ในการใช้มือถือต่างกันมีผลการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 1 ข้อ และ 0.05 จำนวน 2 ข้อ โดยนักศึกษาที่มีประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่าง
1 - 5 ปี มีโอกาสที่จะรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์มากกว่าประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงอื่น - ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนมคือ 1) เพศต่างกันมีพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 6 ข้อ และ 0.05 จำนวน 3 ข้อ 2) ระดับการศึกษาต่างกันมีพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 6 ข้อ และ 0.05 จำนวน 4 ข้อ 3) ประเภทวิชาต่างกันมีพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 11 ข้อ และ 0.05 จำนวน 2 ข้อ 4) ประสบการณ์ใช้คอมพิวเตอร์ต่างกันมีพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จำนวน 4 ข้อ และ 0.05 จำนวน 5 ข้อ
5) ประสบการณ์ใช้มือถือต่างกันมีพฤติกรรมการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับระดับ 0.01 จำนวน 5 ข้อ และ 0.05 จำนวน 5 ข้อ - แนวทางส่งเสริมการรับรู้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครพนมมี 2 ด้าน คือ 1) ด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ได้แก่
ควรให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และควรจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการรับรู้การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3) ควรพัฒนาสื่อวิดีโอเพื่อให้ความรู้กับนักศึกษาและ 2) ด้านพฤติกรรมการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ควรสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ควรสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่มาถูกต้องและสร้างบทบาทสมมุติให้นักศึกษาทำการแสดงในชั้นเรียน
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทุกบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
