การพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีสร้างความรู้ด้วยตนเองเชิงสังคมของวีก็อทสกี้และแนวคิดความรู้ความเข้าใจเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
คำสำคัญ:
การเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์, ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้, ทฤษฎีสร้างความรู้ด้วยตนเองเชิงสังคมของวีก็อทสกี้, แนวคิดความความรู้ความเข้าใจเชิงสร้างสรรค์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ (1) เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองเชิงสังคมของวีก็อทสกี้ และแนวคิดความรู้ความเข้าใจเชิงสร้างสรรค์ในการส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ (2) เพื่อศึกษาผลการใช้ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองเชิงสังคมของวีก็อทสกี้ และแนวคิดความรู้ความเข้าใจเชิงสร้างสรรค์ในการส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ดำเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพและปัญหาการจัดการการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์ด้วยการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และเอกสารที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและครูผู้สอนภาษาไทย ระยะที่ 2 พัฒนายุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ โดยสังเคราะห์ข้อมูลในระยะที่ 1 เพื่อนำมาสร้างยุทธศาสตร์และตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ และระยะที่ 3 ศึกษาผลการใช้ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ โดยนำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหมากแข้ง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม จำนวน 2 ห้องเรียน โดยจับสลากเป็นกลุ่มทดลองซี่งได้รับการจัดการเรียนรู้ตามยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้ฯ และกลุ่มควบคุมซึ่งได้รับการจัดการเรียนตามปกติ ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 20 ชั่วโมง ใช้แบบแผนการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experiment Design) ตามรูปแบบกลุ่มทดลองกลุ่มควบคุมที่ไม่เท่าเทียมกัน (Non-Equivalent Controlled Group Pretest Posttest Design) ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาวิจัย พบว่า ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองเชิงสังคมของวีก็อทสกี้และแนวคิดความรู้ความเข้าใจเชิงสร้างสรรค์มีองค์ประกอบ คือ ชื่อยุทธศาสตร์ ความเป็นมาและความสำคัญ แนวคิดและทฤษฎีที่ใช้ในการพัฒนายุทธศาสตร์ หลักการของยุทธศาสตร์ และจุดมุ่งหมายของยุทธศาสตร์ โดยแบ่งเป็น ด้าน คือ ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ของยุทธศาสตร์ ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นสร้างแรงจูงใจ 2) ขั้นแสวงหาความรู้ 3) ขั้นแสดงความคิด 4) ขั้นนำเสนอ และ 5) ขั้นประเมินผล ในส่วนของด้านการจัดปัจจัยสนับสนุนและการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ผลการใช้ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองเชิงสังคมของวีก็อทสกี้ฯ มีความสามารถในการเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์หลังเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน และมีความสามารถในการเขียนภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์หลังเรียน สูงกว่ากลุ่มควบคุม
เอกสารอ้างอิง
กองเทพ เคลือบพณิชกุล. (2542). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
ณัฐฐา สววิบูลย์. (2554). สภาพและปัญหาการจัดการเรียนการสอนรายวิชา INT212 (การออกแบบภายใน 2) สาขาวิชาการออกแบบภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 จาก www.spu.ac.th/tlc/files/2013
พรรรณี ช. เจนจิต. (2550). จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ.ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ
พิสมัย อำไพพันธุ์. (2537). การเขียนสร้างสรรค์. พิมพ์ครั้งที่ 3. เชียงใหม่: วิทยาลัยครูเชียงใหม่.
ระวีวรรณ หล่อพรรรณ. (2558). การเปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนให้มีความรับผิดชอบและสร้างแรงจูงใจชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ปีการศึกษา 2558.
วรรณวีร์ บุญคุ้ม. (2556). รายงานวิจัย เรื่อง ความสามารถในการคิดและเขียนเชิงสร้างสรรค์ในการเรียนรายวิชาการวิจัยในชั้นเรียนของนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สายหยุด อุไรสกุล. (2555). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียน โดยใช้การวิจัยเป็นฐานร่วมกับการใช้เทคนิค SCAMPER. มหาวิทยาลัยราชมงคลสุวรรณภูมิ
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ. (2550). กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 2 (2551-2565) กรุงเทพฯ โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อัจฉรา ชีวพันธ์. (2547). กิจกรรมการเขียนเชิงสร้างสรรค์ในชั้นประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Vygotsky, L. S. (1978). Mind in society. In M. Cole, V. John-Steiner, S. Scribner, and E. Souberman (Ed), Interaction between learning and development pp. 79-91. Cambridge MA : Harvard University Press.
Whitney, D.R. & Sabers D.L. (1970). “Improving Essay Examinations III Use of Item Analysis”, Technical Bulletin 11. Mineographed.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทุกบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
