หลักธรรมาภิบาลที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนในจังหวัดร้อยเอ็ด

Main Article Content

ปณิธาน กมลเศษ

Abstract

           การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลและการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนในจังหวัดร้อยเอ็ด ตามความคิดเห็นของครู และ 2) สร้างสมการพยากรณ์การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนในจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มตัวอย่างคือ ครูโรงเรียนเอกชนในจังหวัดร้อยเอ็ดจำนวน 284 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการทดสอบสมมติฐาน ใช้สถิติการถดถอยพหุคูณแบบลำดับขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression) ผลการวิจัยพบว่า

              1.  การปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแต่ละหลักย่อยพบว่าทุกหลักมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ดังนี้ หลักความเสมอภาค หลักความรับผิดชอบ หลักนิติธรรม หลักการตอบสนอง หลักประสิทธิผล หลักมุ่งเน้นฉันทามติ หลักประสิทธิภาพ หลักความโปร่งใส หลักการกระจายอำนาจ และหลักการมีส่วนร่วม

                  การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ดังนี้ การวางแผนจัดบุคลากรเข้าปฏิบัติงาน การเสริมสร้างประสิทธิภาพและธำรงรักษาบุคลากร การรักษาระเบียบวินัย และการประเมินผลการปฏิบัติงาน ตามลำดับ

              2.  การสร้างสมการพยากรณ์การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดร้อยเอ็ด พบว่าหลักมุ่งฉันทามติ (X10)เป็นตัวแปรพยากรณ์การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดร้อยเอ็ดได้ดีที่สุด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ .846 และมีอำนาจการพยากรณ์เท่ากับ ร้อยละ 71.5 เมื่อเพิ่มตัวแปรพยากรณ์ หลักนิติธรรม (X8) หลักการตอบสนอง (X3) หลักความโปร่งใส (X5) หลักภาระรับผิดชอบ (X4) หลักการมีส่วนร่วม (X6) หลักความเสมอภาค (X9) และหลักการกระจายอำนาจ (X7) โดยตัวแปรพยากรณ์ดังกล่าวสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร้อยละ 86.5  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01มีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยในรูปคะแนนดิบ คือ .182, .156, .111, .114, .117, .085, .099, และ .091และมีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยในรูปคะแนนมาตรฐาน คือ .218, .168, .116, .125, .128, .097, .101และ .102 ตามลำดับ 

              สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ

              Y/   = .219+.182X10+.156X8+.111X3+.114X5+.117X4+.085X6+.099X9+.091X7

              .สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน

              Z/y =.218Zx10+.168Zx8+.116Zx3+.125ZX5+.128Zx4+.097Zx6+.101Zx9+.102Zx7.

Article Details

Section
บทความวิจัย