รูปแบบการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบ ความต้องการจำเป็น และแนวทางการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2) สร้างรูปแบบการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และ 3) ประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตัวอย่างของการวิจัยระยะที่ 1 คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 728 คน กลุ่มเป้าหมายของการวิจัยระยะที่ 2 คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน และ ระยะที่ 3 ได้แก่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และแบบสอบถามประเมินรูปแบบ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีลำดับความต้องการจำเป็น และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
- ผลการศึกษาองค์ประกอบ ความต้องการจำเป็น และแนวทางการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบไปด้วย 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการศึกษา ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ด้านการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ด้านการบริหารจัดการชั้นเรียนเชิงบวก และ ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
- ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ วิธีดำเนินการของรูปแบบ การประเมินรูปแบบ และ เงื่อนไขความสำเร็จ โดยมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมาก
- ผลการประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการพัฒนาครูด้านทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
เข็มทอง ศิริแสงเลิศ. “หน่วยที่ 6 การบริหารจัดการเรียนรู้” ในประมวลชุดวิชาการจัดและบริหารองค์การทางการศึกษา สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2555.
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักงาน. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ: สำนักนายกรัฐมนตรี, 2553.
เชาวรินทร์ แก้วพรม. “รูปแบบการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สำหรับโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3,” วารสารวิชาการธรรมทรรศน์. 21, 4 (2564): 195-212.
ธัญญลักษณ์ เวชกามา. รูปแบบพัฒนาสมรรถนะครูด้านการสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562.
ธีระ รุญเจริญ. ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพรส, 2550.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. การศึกษา 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560.
ลักษณ์พร เข้มขัน. รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของครูภาษาอังกฤษในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. พิษณุโลก: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 2563.
เลขาธิการสภาการศึกษา,. สำนักงาน. ข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง 2552 -2561. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2552.
เลขาธิการสภาการศึกษา, สำนักงาน. แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560–2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด, 2560.
. มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: 21 เซ็นจูรี่, 2562.
วิจารณ์ พานิช. วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสดศรีสฤษดิ์วงศ์, 2555
สถาบันภาษาอังกฤษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. คู่มือการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากล (The Common European Framework of Reference for Languages: CEFR) ระดับชั้นประถมศึกษา. โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก, 2558.
สมาน อัศวภูมิ. “การใช้วิจัยพัฒนารูปแบบในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก,” วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 2, 2 (2550): 76-85.
สุวิมล ว่องวาณิช. การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550.
Kay, K. 21st century skills: Why they matter, what they are, and how we get there. In Bellanca, J., & Brandt, R. (Eds.), 21st century skills: Rethinking how students learn. Bloomington, IN: Solution Tree Press, 2010.
Krejcie, R.V., and D.W. Morgan. “Determining Sample Size for Research Activities,” Journal Education and Psychology Measurement. 3, 30 (1970): 607-610.
Joyce, B., M. Weil, and E. Calhoun. Models of Teaching. Boston MA: Pearson Education, 2011.
Sahin, M. C. “Instructional design principles for 21st Century Learning Skills. Procedia–Social and Behavioral Sciences,” 1, 1 (January 3, 2009): 1464-1468.
UNESCO. Education in Thailand: An OECD-UNESCO Perspective, Reviews of National Policies for Education. OECD Publishing, 2015.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ