การศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนโดยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเยาวชน ตำบลหัวเรือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

ผู้แต่ง

  • ณัฐธิดา สุจริตจันทร์ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • จิดาภา โชคหิรัญนาคิน สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • จุฑามณี ทิพราช สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • นิติรัตน์ อุทธชาติ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • พัทธนันท์ สุจริตจันทร์ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี Business English Program, Faculty of Humanities and Social Sciences, Ubon Ratchathani Rajabhat University

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก, เยาวชนตำบลหัวเรือ , ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้ก่อนและหลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แผนการสอนเชิงรุกในการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้กับเยาวชน ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี  จ.อุบลราชธานี และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของเยาวชนต่อแผนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การสอนเชิงรุกในการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้กับเยาวชน ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี ตัวอย่างที่ใช้โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่ายคือ เยาวชนตำบลหัวเรือที่มีอายุระหว่าง 13-17 ปี จำนวน 54 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก จำนวน 5 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน แบบทดสอบระหว่างเรียนและแบบสอบถามความพึงพอใจของเยาวชนหลังเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้แผนการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทีแบบกลุ่มสัมพันธ์

ผลการวิจัยพบว่า

  1.  ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียนจากการจัดการเรียนรู้ตามแผนการสอนเชิงรุก พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (x̅ =40.81) สูงกว่าก่อนเรียน (x̅  =23.55) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
  2. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของเยาวชนในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แผนการสอนเชิงรุกในการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้กับเยาวชน ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี พบว่า ตัวอย่างมีความพึงพอใจในภาพรวมในระดับมาก

เอกสารอ้างอิง

วิชาการ, กรม. การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ., 2545.

กฤษดา บุญหมื่น. ประโยชน์ของแผนการจัดการเรียนรู้. (ออนไลน์) 2555 (อ้างอิงเมื่อ 2 ตุลาคม 2563). จาก https://xn--12c2c0ada3bv5b3ao7h2d.blogspot.com/2012/07/blog-post.html

ชุมพล สุวิเชียร และคณะ. การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้รูปแบบ SANO Model สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนหนองโสนพิทยาคม. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน., 2560.

ไชยยศ เรืองสุวรรณ. Active Learning. เชียงใหม่: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2553.

บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: สุรีวิริยาสาสน์., 2545.

บุญเรียง ขจรศิลป์. สถิติวิจัย 1. กรุงเทพฯ: ฟิสิกส์เซ็นเตอร์การพิมพ์., 2536.

บุหงา วัฒนะ. “Active learning,” วารสารวิชาการ. 10, 9 (2546.): 30 -34.,

ประเพศ ไกรจันทร์ และธัญนันท์ ทองคำ. การสนทนาภาษาอังกฤษ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สายส่งศึกษิต, 2537.

วิชัย วงษ์ใหญ่. พัฒนาหลักสูตรและการสอน-มิติใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สุรีวิริยาสาสน์., 2525.

สุมิตรา อังวัฒนกุล. วิธีสอนภาษาอังกฤษ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย., 2535

Bonwell, C.C and J. A. Eison. Active Learning: Creative Excitement in the Classroom. Washington, D.C. : ASHE-ERIC Higher Education Reports, 1991.

Chickering, Arthur W. and Zelda F. Gamson. "Seven principles for good Practice,” AAHE Bulletin. 39: 3-7 March 1987): 3-7.

Silberman, M. Active Learning. Boston: Allyn & Bacon, 1996

Sutherland, T.E. and C.C. Bonwell. Using Active Learning in College Classes: A Range of Options for Faculty. San Francisco: Jossey-Bass., 1996.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

สุจริตจันทร์ ณ. ., โชคหิรัญนาคิน จ. ., ทิพราช จ. ., อุทธชาติ น. ., & สุจริตจันทร์ พ. . (2023). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนโดยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับเยาวชน ตำบลหัวเรือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารพิชญทรรศน์, 18(1), 55–68. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Pitchayatat/article/view/259332

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย