การพัฒนาหลักสูตรเสริมตามแนวคิดเมตาคอกนิชันและการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้แต่ง

  • ประภัทร์ กุดหอม ร.ร.พังโคนวิทยาคม
  • ภูมิพงศ์ จอมหงษ์พิพัฒน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • ประยูร บุญใช้ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

คำสำคัญ:

หลักสูตรเสริม, ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์, เมตาคอกนิชัน, การเรียนรู้แบบอิงบริบทเป็นฐาน

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรเสริมตามแนวคิดเมตาคอกนิชันและการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 2) พัฒนาหลักสูตรเสริมตามแนวคิดเมตาคอกนิชันและการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน 3) เปรียบเทียบทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนก่อนและหลังทดลองและหลังทดลองเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 75 และ 4) เปรียบเทียบเจตคติต่อคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลอง การพัฒนาหลักสูตรมี 4 ขั้นตอนคือ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) สร้างหลักสูตร 3) ทดลองใช้หลักสูตร และ 4) ปรับปรุงหลักสูตร กลุ่มตัวอย่างสำหรับศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรคือนักเรียน 100 คน ครูผู้สอน 20 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน โดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็น กลุ่มตัวอย่างในการทดลองคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนพังโคนวิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 23 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานคือแบบสอบถาม เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และแบบวัดเจตคติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าทดสอบทีแบบกลุ่มสัมพันธ์ ผลการวิจัยพบว่า 1. ข้อมูลพื้นฐานโดยภาพรวม นักเรียน ครูผู้สอน และผู้ทรงคุณวุฒิต้องการส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตรเสริมอยู่ในระดับมาก (gif.latex?\bar{X}=4.35) รายด้านพบว่า ด้านการวัดผลและประเมินผลอยู่ในระดับมากที่สุด (gif.latex?\bar{X}=4.50) ด้านทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับมาก (gif.latex?\bar{X}=4.47) และด้านเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก (gif.latex?\bar{X}=4.08) 2. หลักสูตรเสริมที่พัฒนาขึ้น มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ทฤษฎีและแนวคิดพื้นฐาน 2) หลักการ 3) จุดมุ่งหมาย 4) เนื้อหา 5) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ 6) การวัดผลและประเมินผล โดยเนื้อหาประกอบด้วย 3 หน่วยการเรียนรู้ ใช้เวลาเรียน 27 ชั่วโมง ได้แก่ 1) เซตในสถานการณ์ชีวิตประจำวัน 2) สามเหลี่ยมมุมฉากและอัตราส่วนตรีโกณมิติในสถานการณ์ชีวิตประจำวัน และ 3) ลำดับและอนุกรมในสถานการณ์ชีวิตประจำวัน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 กำหนดสถานการณ์ ขั้นที่ 2 ลงมือปฏิบัติงานประกอบด้วยขั้นย่อย 4 ขั้น ได้แก่ เริ่มต้น จัดเตรียม กระทำให้สำเร็จ และตรวจสอบ ขั้นที่ 3 เรียนรู้แนวคิดสำคัญ และขั้นที่ 4 นำไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ 3. ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองและสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 4. เจตคติต่อคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01

เอกสารอ้างอิง

คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักงาน. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542. กรุงเทพฯ: เซเว่นพริ้นติ้งกรู๊ป, 2542.

จันทร์ขจร มะลิจันทร์. ผลของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการคิดเชิงเมตาคอกนิชัน ที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ความตระหนักในการรู้คิดและการกำกับตนเองในการเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีการจัดหมู่. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2554.

ฉวีวรรณ เศวตมาลย์. การพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น, 2545.

ธรรมนัด โถบำรุง. การศึกษาความตระหนักในการคิดในระหว่างการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จาก การเขียนอธิบายของนักเรียน. วารสารวิจัย มข. 8, 1 (มกราคม-มีนาคม 2551): 117-124.

พาสนา จุลรัตน์. เมตาคอกนิชันกับการเรียนรู้. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์. 14, 1 (มกราคม-มิถุนายน 2556) :1-17.

สงัด อุทรานันท์. พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ: มิตรสยาม, 2532.

ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. การวัดผลประเมินผลคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2555(ก).

............. ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : 3-คิว มีเดีย, 2555 (ข).

............. การวัดผลประเมินผลคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2555 (ค).

สิริพร ทิพย์คง. หลักสูตรและการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ: พัฒนาคุณภาพวิชาการ, 2545.

Beyer, B.K. Practical Strategies for Teaching of Thinking. Boston: Allyn and Bacon, 1987.

Biryukov, P [n.d.]. Metacognitive Aspects of Solving Combinatorics Problems. (Online) 2005 (Cite 2005 May 17). Available from: http://www.ex.ac.uk/cimt/ijmtl/biryukov.pdf

Darkwah, V.A. Undergraduate nursing students’ level of thinking and self-efficacy in patient education in a Context-Based learning Program. Dissertation University of Alberta Canada, 2006.

Flavell, J.H. Metacognition and Cognitive Monitoring: A New Area of Cognitive Development Inquiry. American Psychologist. 34,10 (1979): 906-911.

Garofalo, J., and Lester, FK. Metacognition, Cognitive Monitoring, And Mathematical Performance. Journal for Research in Mathematics Education. 16, 3 (1979): 163-176.

Hembree, R. Experiments and Relational Studies in Problem Solving : A Meta-Analysis. Journal for Research in Mathematics Education. 23 (1992): 242-273.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

กุดหอม ป., จอมหงษ์พิพัฒน์ ภ., & บุญใช้ ป. (2019). การพัฒนาหลักสูตรเสริมตามแนวคิดเมตาคอกนิชันและการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารพิชญทรรศน์, 14(1), 91–98. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Pitchayatat/article/view/221601

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย