แนวทางการกำหนดมาตรการและกระบวนการทางกฎหมาย ในการติดตามคุมประพฤติเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดซ้ำภายหลังการปล่อยตัว
คำสำคัญ:
การกระทำความผิดซ้ำ, การป้องกันเด็กและเยาวชนกระทำความผิด, การคุมประพฤติ, มาตรการและกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนบทคัดย่อ
การกระทำความผิดซ้ำทางอาญาของเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กและเยาวชน สังคม และประเทศชาติ
ซึ่งปัญหาสำคัญประการหนึ่งของการกระทำความผิดซ้ำ คือการขาดมาตรการติดตามคุมประพฤติภายหลังการปล่อยตัวจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ติดตามเด็กและเยาวชนภายหลังการปล่อยตัว มีความมุ่งหมายเพียงการสงเคราะห์และช่วยเหลือตามความจำเป็น มิได้มุ่งหมายเพื่อคุมประพฤติ ประกอบกับกระบวนติดตามภายหลังการปล่อยตัวไม่มีสภาพบังคับทางกฎหมาย ส่งผลให้การควบคุมป้องกันการกระทำความผิดซ้ำไม่มีประสิทธิภาพ บทความวิจัยนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางการกำหนดให้มีมาตรการและกระบวนการทางกฎหมายในการติดตามคุมประพฤติเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดซ้ำภายหลังการปล่อยตัวในพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด พ.ศ. 2561 เพื่อควบคุมป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่า การกำหนดให้มีมาตรการและกระบวนการที่มีสภาพบังคับทางกฎหมายเป็นการเฉพาะในการติดตามคุมประพฤติเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดซ้ำภายหลังการปล่อยตัว จะทำให้เด็กและเยาวชนที่เคยกระทำความผิดซ้ำหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดซ้ำอีก อันจะส่งผลให้กระบวนการควบคุมเพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานอัยการ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พนักงานคุมประพฤติ นักจิตวิทยา และเจ้าพนักงานตำรวจ ในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าจะทำให้มีความชัดเจนในทางปฏิบัติและมีประสิทธิภาพในการควบคุมป้องกันการกระทำความผิดซ้ำได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้พิพากษา ในฐานะที่เป็นผู้ใช้กฎหมาย ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนแนวทางนี้ โดยมีความเห็นว่า เมื่อเด็กหรือเยาวชนได้รับการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเป็นรายคนหรือรายคดีแล้ว แม้ได้พ้นจากการควบคุมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนและกลับคืนสู่สังคม แต่ผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามผลการปฏิบัติตัวของเด็กและเยาวชนภายหลังการปล่อยตัว ก็มีหน้าที่ติดตามให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าเด็กหรือเยาวชนนั้นจะเคยกระทำความผิดซ้ำมาแล้วหรือไม่ จากผลการศึกษานี้ สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนทัศน์ที่แตกต่างกันในแนวทางดังกล่าวระหว่างผู้ปฏิบัติตามกฎหมายกับผู้ใช้กฎหมาย โดยผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะให้ศึกษาเพิ่มเติมจากประชากรที่เป็นบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ที่เด็กและเยาวชนอาศัยอยู่ด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนทัศน์ของกลุ่มตัวอย่างจากประชากรอื่น สำหรับการปรับปรุงแนวทางดังกล่าวต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม. (ม.ป.ป.). การคุมประพฤติเด็กและเยาวชน.กระทรวงยุติธรรม.
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน. (2566). รายงานสถิติคดี ประจำปี พ.ศ. 2565. กระทรวงยุติธรรม.
ตะวันฉาย มิตรประชา. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระท้าความผิดซ้ำของเยาวชน เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเยาวชนภายหลังการปล่อยตัว.วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยปทุมธานี, 6(1), 35-45.
ธีระ สินเดชารักษ์, จตุรพิธ เกราะแก้ว, นัจชลี ศรีมณีกาญจน์, ปองพล นิลพฤกษ์, วิเชษฐ์ พลายมาศ, พิเชฐ คุณากรวงศ์, ธนบูรณ์ จันทรมาลัย, พงษ์กฤษณ์ มงคลสินธุ์, เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์, เปรมฤดี เพ็ชรกูล, ธิติ มหาเจริญ, ปวริศร เลิศธรรม เทวี, และสุณีย์ กัลยจิตร. (2564). โครงการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำผิดซ้ำ [รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์]. สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม.
พรรณรัตน์ เกรียงวัฒนา. (2561). สิทธิเด็กกับการกระทำความผิด. [รายงานบุคคล]. วิทยาลัยศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ.
พัชรา สินลอยมา, นัทธปราชญ์ นันทิวัฒน์กุล, ธเนศ เกษศิลป์, และมุทิตา มากวิจิตร์. (2560). การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของเด็กและเยาวชนไทยทีกระทำผิดซ้ำเพื่อเสริมสร้างความตระหนักในคุณค่าของชีวิตก่อนคืนสู่สังคม [รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์]. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
พันธุ์เทพ ถึงทรัพย์. (2554). รูปแบบการป้องกันการกระทำผิดซ้ำของเด็กและเยาวชนไทย ในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 6 จังหวัดนครสวรรค์. [วิทยานิพนธ์ปริญญาเอก, มหาวิทยาลัยนเรศวร]. ฐานข้อมูลงานวิจัย (ThaiLIS).
ภัทราวรรณ รัตนเกษตร. (2565). กฎหมายว่าด้วยกระบวนการยุติธรรมทางอาญาสำหรับเด็กและเยาวชน. นันทพันธ์พริ้นติ้ง.
ภัทร์ชมน ชื่นสำนวล. (2562). แนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกระทำผิดซ้ำของเด็กและเยาวชน: กรณีศึกษาในพื้นที่ ตำบลเพชรละคร อำเภหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์. [วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยรังสิต]. ฐานข้อมูลงานวิจัย (ThaiLIS).
วุฒิพงค์ พัวพัน, ศรัณยา คงยิ่ง, ชลทิวา ทองรัตน์, และสุนิสา หลีหมุด. (2563). มาตรการในเชิงกฎหมายที่สามารถลดสาเหตุและพฤติกรรมของการกระทำความผิด และการกระทำผิดซ้ำในคดียาเสพติดของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ. [รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์]. มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.
ศรัณยา เลิศศาสตร์วัฒนา. (2561). กระบวนการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในศาลเยาวชนและครอบครัว.[ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอก, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]. ฐานข้อมูลงานวิจัย (ThaiLIS).
เสาวนีย์ สงวนกลิ่น. (2557). การบังคับใช้กฎหมายกับการกระทำความผิดซ้ำของเด็ก และเยาวชน. [วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยมหิดล]. ฐาข้อมูลงานวิจัย (ThaiLIS).
อภิวุฒิ นะวาระ. (2560). มาตรการลงโทษทางอาญา ศึกษากรณีเด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดฐานลักลอบค้ายาเสพติด. [สารนิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยศรีปทุม]. คลังข้อมูลสถาบันมหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU-IR).
Kennedy, T. D., Detullio, D. & Millen, D. H. (2020). Juvenile delinquency: Theory, trends, risk factors and interventions. Springer Nature Switzerland AG.
Loeber, R., & Farrington, D. P. (2000). Young children who commit crime: Epidemiology, developmental origins, risk factors, early interventions, and policy implications. Development and Psychopathology, 12(4), 737-762.
Merton, R. K. (1983). Social structure and anatomie. American Sociological Review, 3(5), 672-682.
Petersilia, J. (2015). Juveniles and recidivism: A comparative study. Youth Studies, 7(4), 56-68.
Scott, E. S., & Steinberg, L. (2008). Rethinking juvenile justice. Harvard University Press.
Smith, A., Johnson, B., & Lee, C. (2019). Philosophies of juvenile justice: A global perspective. Global Journal of Criminal Justice, 27(3), 205-223.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะนิติรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมศาสตร์ นิติรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ความคิดเห็นในบทความและงานเขียน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้ประพันธ์โดยอิสระ กองบรรณาธิการ วารสารสังคมศาสตร์ นิติรัฐศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป หากท่านประสงค์จะนำบทความหรืองานเขียนเล่มนี้ไปตีพิมพ์เผยแพร่ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ประพันธ์ตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
