กลยุทธ์การสื่อสารในการแสดงเดี่ยวบทละคร “โลกของชายหลงตน”

ผู้แต่ง

  • กมลพชร ชฎากิจ หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปะการแสดงสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
  • สุรินทร์ เมทะนี หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาศิลปะการแสดงสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต

คำสำคัญ:

การแสดงเดี่ยว, กลยุทธ์การสื่อสาร, ละครเวที, ความพึงพอใจของผู้ชม

บทคัดย่อ

       การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) กลยุทธ์การสื่อสารในการแสดงเดี่ยวบทละคร “โลกของชายหลงตน” และ 2) ความพึงพอใจของผู้ชมต่อกลยุทธ์การสื่อสารในการแสดงเดี่ยวบทละคร “โลกของชายหลงตน” การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานที่รวบรวมข้อมูลจากผู้ชมทั้งหมด 141 คน การศึกษานี้ใช้ทั้งวิธีการเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและลึกซึ้ง โดยใช้แบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่น 0.92 เพื่อวัดความพึงพอใจจากผู้ชมด้วยคำถามปลายเปิดกลยุทธ์การสื่อสารในการแสดงเดี่ยว “โลกของชายหลงตน” วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) กลยุทธ์การสื่อสารในการแสดงเดี่ยวประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่  (1) บทละคร (2) การสื่อสารทางท่าทาง (3) การประพันธ์เนื้อร้องและทำนองประกอบการแสดง (4) สีหน้าและอารมณ์ และ (5) องค์ประกอบการแสดง ซึ่งสามารถจัดกลุ่มเป็น 4 มิติการสื่อสารคือ การสื่อสารอวัจนภาษา การถ่ายทอดเนื้อหาและตัวละคร    การสื่อสารผ่านองค์ประกอบทางศิลปะ และการสื่อสารด้วยวาจา และ 2) ความพึงพอใจของผู้ชม พบว่า ผู้ชมมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.87) โดยการสื่อสารอวัจนภาษาได้รับความพึงพอใจสูงสุด (ค่าเฉลี่ย = 4.90) โดยเฉพาะการสื่อสารทางสีหน้าและอารมณ์ (ค่าเฉลี่ย = 4.91) ผลการวิจัยสอดคล้องกับทฤษฎีการเลียนแบบธรรมชาติของอริสโตเติล ทฤษฎีการตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และทฤษฎีการสื่อสารอวัจนภาษา การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่านักแสดงเดี่ยวต้องมีความสามารถหลายมิติและใช้กลยุทธ์การสื่อสารแบบบูรณาการเพื่อความสำเร็จของการแสดง ผลการวิจัยนี้เป็นประโยชน์ต่อนักแสดงเดี่ยว ผู้กำกับ ผู้สอน และนักวิชาการด้านศิลปะการแสดงในการพัฒนาทักษะการแสดงเดี่ยว ออกแบบการแสดง และสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ

เอกสารอ้างอิง

จรูญ โกมุทรัตนานนท์. (2547). สุนทรียศาสตร์ กรีก-ยุคฟื้นฟู. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ชัยพร ธรรมโยธิน. (2556). การเขียนบท. https://sites.google.com/site/chaipon4256/khwam-ru-keiyw-kab-kar-kheiyn-bth-beuxng-tn

ชุติมา มณีวัฒนา. (ม.ป.ป.). ความรู้เกี่ยวกับศิลปะการละครที่จำเป็นต่อผู้กำกับการแสดง. คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.

ณัฐพร เพ็ชรเรือง. (2562) การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ไทยร่วมสมัย: วัฏสงสาร. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 39(6), 126-142. https://doi.org/10.14456/sujthai.2019.60

นพดล วศินสุนทร. (2553). จิตวิทยาการสื่อสารกับความต้องการเรียนรู้การแสดงมายากล. วารสารวิทยาการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, 6(2), 81-95.

พชรมน เกิดสุวรรณ. (2566, 27 สิงหาคม). อารมณ์กับการแสดงออกทางสีหน้าตัวละคร. มหาวิทยาลัยบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. https://bsru.net/อารมณ์กับการแสดงออก/?_post_id=7219

พิมพ์วิภา บุรวัฒน์. (2563). การประพันธ์บทสำหรับการแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์ประเภทรำเดี่ยวมาตรฐาน. Journal of Fine and Applied Arts Chulalongkorn University, 7(1), 1-15.

พ่วง มีนอก. (2536). สุนทรียศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

มงคล เทียนประเทืองชัย. (2560). การวิภาคแนวคิดของอาริสโตเติลเรื่องการมีอยู่ของแบบ. ใน การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปี 2560. มหาวิทยาลัยรังสิต.

สดใส พันธุมโกมล. (2542). ศิลปะของการแสดง (ละครสมัยใหม่) (พิมพ์ครั้งที่ 2). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สามมิติ บรรจง. (2564). การศึกษาทัศนะต่อลักษณะอันพึงประสงค์ของนักแสดงละครเวที. คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สุชาญวุฒิ กิ่งแก้ว, ชมนาด กิจขันธ์, และพรรัตน์ ดำรุง. (ม.ป.ป.). การทดลองสร้างละครเวทีแสดงเดี่ยว (Solo Performance) เรื่อง พระเทวทัต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.

สุรินทร์ เมทะนี. (2564). แนวทางการพัฒนาแบบฝึกหัดการแสดงขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต, 15(1), 54-67.

สุวิธธ์ สาดสังข์. (2565). การศึกษาและค้นคว้าส่วนบุคคล: การออกแบบเครื่องแต่งกายปีการศึกษา 2565. มหาวิทยาลัยสวนสุนันทา.

Aston, E., & Harris, G. (2008). A good night out for the girls: Popular feminisms in contemporary theatre and performance. Palgrave Macmillan.

Carlson, M. (2018). Performance: A critical introduction (3rd ed.). Routledge.

Creswell, J. W., & Plano Clark, V. L. (2017). Designing and conducting mixed methods research (3rd ed.). SAGE Publications.

Govan, E., Nicholson, H., & Normington, K. (2007). Making a performance: Devising histories and contemporary practices. Routledge.

Heddon, D. (2008). Autobiography and performance. Palgrave Macmillan.

Katz, E., Blumler, J. G., & Gurevitch, M. (1973). Uses and gratifications research. Public Opinion Quarterly, 37(4), 509-523.

Knapp, M. L., Hall, J. A., & Horgan, T. G. (2013). Nonverbal communication in human interaction (8th ed.). Wadsworth.

McAuley, G. (2000). Space in performance: Making meaning in the theatre. Ann Arbor: University of Michigan Press.

Mehrabian, A. (1971). Silent messages. Belmont, CA: Wadsworth.

Oddey, A. (1994). Devising theatre: A practical and theoretical handbook. Routledge.

Reason, M. (2010). The young audience: Exploring and enhancing children's experiences of theatre. Stoke-on-Trent: Trentham Books.

Schechner, R. (2020). Performance studies: An introduction (4th ed.). Routledge.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-21

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย