แนวทางการสร้างความผูกพันของศิษย์เก่า คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ:
ความผูกพัน, ค่านิยมองค์กร, การมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับความผูกพัน ระดับค่านิยมองค์กร และระดับการ มีส่วนร่วมของศิษย์เก่าคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความผูกพันของศิษย์เก่าคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการสร้างความผูกพันของศิษย์เก่า คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mix-Method) ประชากร คือ ศิษย์เก่า และรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาหรือผู้แทนจากคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยการจัดการและวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้วิจัยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณ จำนวน 351 คน อัตราตอบกลับ 324 คน (92.30%) และกลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพ จำนวน 9 คน ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Person) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์
ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับความผูกพันของศิษย์เก่าคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีความผูกพันมากที่สุดในด้านความเชื่อมั่นและยอมรับ ในเป้าหมายและค่านิยมขององค์การ 2) ระดับการมีส่วนร่วมของศิษย์เก่าคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในภาพรวมอยู่ในระดับน้อย โดยมีส่วนร่วมมากที่สุดในด้านการมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ 3) ระดับพฤติกรรมและการปฏิบัติตามค่านิยมองค์กรของศิษย์เก่าคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีพฤติกรรมและการปฏิบัติตามค่านิยมองค์กรมากที่สุดในด้าน Harmony: กลมกลืนกับสรรพสิ่ง
แนวทางการพัฒนาและข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1) จัดตั้งกลุ่ม Facebook ศิษย์เก่า เพื่อใช้ติดต่อสื่อสาร ระหว่างคณะฯ และศิษย์เก่า รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างศิษย์เก่าด้วยกัน 2) จัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่า หรือเชิญศิษย์เก่าเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดโครงการหรือกิจกรรมของคณะฯ หรือการจัดกิจกรรมโดยการแบ่งกลุ่มตามความสนใจ 3) จัดตั้งสมาศิษย์เก่า เพื่อเข้ามาบริหารจัดการและดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับศิษย์เก่า ภายใต้การบริหารงานที่สอดคล้องกับแนวทางของคณะฯ
เอกสารอ้างอิง
ปรารถนา ผกาแก้ว. (2561). การรับรู้วัฒนธรรมองค์กรกับความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน กลุ่มเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์และกลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย ระดับปริญญาตรีขึ้นไป ในกลุ่มบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. (วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต) กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณัฐพงษ์ ขอดใจ. (2560) ปัจจัยด้านประสบการณ์การทำงานที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์กรของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในองค์กรเอกชน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ณฐพรรณ ชาญธัญกรรม. (2560) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรกรมชลประทาน (สามเสน). (วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกริก
อรอุสา เกสรสังข์. (2550). ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันองค์กรของพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
ศิวชาติ แสงทอง. (2555). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรกับความผูกพันต่อโรงเรียนของครูโรงเรียนคาทอลิก สังกัดอัครสังฆมนฑลกรุงเทพฯ. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหา-บัณฑิต) อยุธยา: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
ดลชนก โมธรรม, ศิริลักษณ์ ประสันแพงศรี. อิทธิพลของค่านิยมร่วมที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฝ่ายสาขาตะวันออกเฉียงเหนือ. การประชุมสัมมนาวิชาการนำเสนองานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 15 (น. 27-42). ไทย. สืบค้นจาก
http://gs.nsru.ac.th/files/3/3%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%81%20%20%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.pdf
มนตรี นามวงค์ และศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ. (2560). การบริหารความสัมพันธ์กับศิษย์เก่าของสำนักงาน ศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สงขลานครินทร์ ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 23 (3), 164-178. file:///C:/Users/Asus/Downloads/112657-Article%20Text-288882-1-10-20180220%20(2).pdf
มหาวิทยาลัยมหิดล. แผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580. สืบค้นจาก https://op.mahidol.ac.th/pl/wp-content/uploads/2018/11/Mahidol_Strategic_Plan_2018-203720Year.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 ตติยา พนมวัน ณ อยุธยา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
สหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์และสิทธิของผู้นิพนธ์ในการเผยแพร่ผลงานวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ความถูกต้องตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล ทั้งนี้ วารสารกำหนดนโยบายดังต่อไปนี้
|
1. การยอมรับเงื่อนไขการเผยแพร่ - ผู้นิพนธ์ที่ส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ ต้องปฏิบัติตามนโยบายและเงื่อนไขการเผยแพร่ของวารสารโดยเคร่งครัด - การส่งบทความถือเป็นการยอมรับให้นำบทความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและการเผยแพร่ตามมาตรฐานของวารสาร |
|
2. การโอนลิขสิทธิ์ - เมื่อบทความได้รับการตอบรับเพื่อตีพิมพ์ ผู้เขียนโอนลิขสิทธิ์ของบทความให้แก่วารสาร - วารสารมีสิทธิ์เผยแพร่ ทำซ้ำ และเผยแพร่บทความในทุกรูปแบบ ทั้งสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อออนไลน์อื่น ๆ |
|
3. สิทธิ์ของผู้นิพนธ์หลังการโอนลิขสิทธิ์ - ผู้นิพนธ์ยังคงมีสิทธิ์ใช้บทความเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัยส่วนบุคคล การใช้ประกอบวิทยานิพนธ์ หรือการเผยแพร่ในแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ - การนำบทความไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากวารสารก่อนเป็นลายลักษณ์อักษร |
|
4. การเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะ (Creative Commons License) - บทความทั้งหมดในวารสารจะเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) - บุคคลอื่นสามารถเผยแพร่หรือแบ่งปันบทความได้โดยต้องให้เครดิตแก่ผู้นิพนธ์ต้นฉบับ แต่ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ |
|
5. ความถูกต้องของเนื้อหาและการใช้สื่อจากบุคคลที่สาม - ผู้เขียนต้องรับรองว่าบทความที่ส่งเพื่อตีพิมพ์เป็นผลงานต้นฉบับของตนเอง ไม่ได้ส่งซ้ำซ้อน (duplicate submission) และไม่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น รวมถึงไม่มีการปลอมแปลงข้อมูล การตีพิมพ์ซ้ำ หรือการกระทำใด ๆ ที่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางวิชาการ - ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตใช้สื่อจากบุคคลที่สาม เช่น ภาพ ตาราง หรือกราฟิก และต้องอ้างอิงหรือให้เครดิตอย่างถูกต้องน |
|
6. ข้อจำกัดความรับผิดชอบ (Disclaimer) - บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสหศาสตร์: วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร - ข้อความ ข้อมูล และข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่ละท่านโดยตรง มิได้สะท้อนถึงทัศนะหรือจุดยืนของกองบรรณาธิการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - หากบทความมีข้อผิดพลาดหรือการละเมิดสิทธิ์ใด ๆ ความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว - การนำบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบรรณาธิการวารสารก่อน ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำคำชี้แจงเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานอย่างชัดเจน การใช้บทความในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว |

