การพัฒนาตัวแบบงานอนามัยแม่และเด็กระดับอำเภอ ที่เชื่อมโยงกับกลไก MCH Board ระดับจังหวัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการงานอนามัยแม่และเด็กและลดมารดาตายจังหวัดปทุมธานี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563-2564

ผู้แต่ง

  • ประกาศ เปล่งพานิชย์ 0868808484

คำสำคัญ:

งานอนามัยแม่และเด็ก , MCH Board

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้  มุ่งศึกษากลไกการทำงานของ  MCH Board  ระดับจังหวัด/อำเภอ  ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน  ปัจจัยเอื้อ  หรืออุปสรรค  ในการทำงานของ MCH Board  รวมทั้ง  แนวทางการส่งเสริมและพัฒนา MCH Board  ระดับอำเภอ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับ MCH Board ระดับจังหวัดและนำไปสู่การพัฒนารูปแบบงานอนามัยแม่และเด็กผ่านกลไก MCH Board ระดับอำเภอ   เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการงานอนามัยแม่และเด็กและ    ลดมารดาตาย จังหวัดปทุมธานี  โดยออกแบบการวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสมผสาน  ทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและ    การวิจัยเชิงคุณภาพหลายขั้นตอน  สร้างเป็นตัวแบบฯ  นำไปทดสอบในพื้นที่  แล้วนำมาวิเคราะห์ซ้ำ จนสามารถสรุปเป็นตัวแบบการพัฒนารูปแบบงานอนามัยแม่และเด็ก ผ่านกลไก  MCH Board  ระดับอำเภอ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการงานอนามัยแม่และเด็กและลดมารดาตาย จังหวัดปทุมธานี

ผลการวิจัยพบว่า  การปรับปรุงระบบงานและโครงสร้างของคณะกรรมการระดับจังหวัด/อำเภอ  รวมทั้ง  ความสม่ำเสมอในการประชุม  ช่วยให้เกิดการสื่อสารการทำงานระหว่างจังหวัด  อำเภอ  และภาคีเครือข่ายการทำงานในระดับพื้นที่ที่ดีขึ้น  ระบบสารสนเทศ  ช่วยให้ผู้ทำงานได้รับความสะดวกสบาย  ผู้รับบริการเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น  ระบบข้อมูลการรายงานที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน  และมีการคืนข้อมูลให้กับพื้นที่  ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ  และให้การดูแลหลังคลอดได้ครอบคลุมมากขึ้น  ประการสำคัญ  คือ  ภาคีเครือข่ายการทำงาน  เพราะการดำเนินงานอนามัยแม่และเด็กที่ประสบความสำเร็จ  ไม่ได้จำกัดวงการทำงานอยู่เพียงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น  แต่ความร่วมมือจากคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ  (พชอ.)  นับเป็นอำนาจแข็ง  (Hard  Power)  ที่สำคัญและสามารถดึงดูดความร่วมมือจากทุกส่วนงานในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี  ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะทำงานย่อยๆ  ภายในคณะกรรมการระดับอำเภอ  กลับเป็นอำนาจอ่อน  (Soft  Power)  ที่ยึดโยงใจของคนทำงาน  โดยไม่ต้องรอการสั่งการและขั้นตอนของทางราชการที่อาจมีระยะเวลายาวนานได้

                    ทั้งนี้  เนื่องจากงานวิจัยนี้  มุ่งติดตามสองตัวชี้วัด  คือ  ร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครั้งแรกเมื่ออายุครรภ์ น้อยกว่า12 สัปดาห์  และร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์คุณภาพครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์ ซึ่งมีบางปัจจัยที่ค้นพบระหว่างการสนทนากลุ่มและยังไม่ครอบคลุมในกรอบการวิจัยครั้งนี้ อาทิ  ความเชื่อผิดๆ  เกี่ยวกับการใช้สารเสพติดระหว่างตั้งครรภ์  เช่น  แม่บางท่านเชื่อว่าการเสพยาบ้าช่วยให้บุตร ในครรภ์แข็งแรงและคลอดง่าย  ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจทั้งในระดับพื้นที่และระดับมหภาคต่อไป  หรือปัญหาเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลบริการข้ามหน่วยงาน/กระทรวง เช่น กรณีผู้รับบริการสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือประกันสังคม         รับบริการ  ณ  โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ หรือโรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่มีการส่งข้อมูลการรับบริการคืนพื้นที่  เมื่อผู้รับบริการกลับเข้ามารับบริการจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2021-06-29