แนวทางการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุในโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบ โดยบูรณาการศาสตร์พระราชาเป็นฐานการพัฒนาแบบองค์รวม ในจังหวัดสมุทรปราการ
คำสำคัญ:
สุขภาวะผู้สูงอายุ, โรงเรียนผู้สูงอายุ, ศาสตร์พระราชา, การพัฒนาแบบองค์รวมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสุขภาวะผู้สูงอายุในโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบ จังหวัดสมุทรปราการ 2) เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชาเป็นแนวทางการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุในโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบโดยบูรณาการศาสตร์พระราชาเป็นฐานการพัฒนาแบบองค์รวม ในจังหวัดสมุทรปราการ และ 3) สร้างแนวทางการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุในโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบโดยบูรณาการศาสตร์พระราชาเป็นฐานการพัฒนาแบบองค์รวม ในจังหวัดสมุทรปราการ การดำเนินการวิจัยใช้วิธีแบบผสมผสาน (mixed methods) โดยมีเครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถาม (questionnaires) และแบบสัมภาษณเชิงลึก (in-depth interview forms) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้แบ่งเป็น 2 กลุ่มได้แก่ ผู้สูงอายุจำนวน 300 คน สุ่มหลายขั้นตอน สำหรับเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ และผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key Informants) ซึ่งเป็นคณะกรรมการโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบ จำนวน 32 คน สำหรับเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า ผู้สูงอายุมีสุขภาวะโดยรวมอยูในระดับมาก (x̅=3.92, S.D.=0.56) โดยด้านจิตใจมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̅=4.18, S.D.=0.67) ส่วนผลการวิจัยเชิงคุณภาพ นำไปสู่การสร้างแนวทางการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุในโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบ ซึ่งเป็นแนวทางที่บูรณาการศาสตร์พระราชาเป็นฐานการพัฒนาแบบองค์รวมทั้งด้านจิตใจ ด้านสังคม ด้านปัญญาและการรู้คิด ด้านอารมณ์ ด้านจิตวิญญาณ และด้านร่างกาย เพื่อให้เกิดความสุขอยางยั่งยืนในบริบทของชุมชนท้องถิ่น
เอกสารอ้างอิง
กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2560). ยุทธศาสตร์กรมกิจการผู้สูงอายุ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580. โรงพิมพ์สามลดา.
จักรแก้ว นามเมือง. (2560). รายงานวิจัยเรื่อง โรงเรียนผู้สูงอายุ: ต้นแบบการจัดการสุขภาวะและสวัสดิการผู้สูงอายุ. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
จักรพันธ์ พรมฉลวย. (2564). การศึกษาสุขภาวะของผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี, 4(1), หน้า 69–84.
จักรพันธ์ พรมฉลวย, วรวุฒิ เพ็งพันธ์ และสุวิชัย โกศัยยะวัฒน์. (2567). การบูรณาการศาสตร์พระราชาเพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุของโรงเรียนผู้สูงอายุในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก. Journal of Social Sciences and Humanities Research in Asia, 30(1), หน้า 57-74.
ปวินตรา มานาดี, กันนิษฐา มาเห็ม, วิทยา สุขคำ และรัชนีย์ ไพเมือง. (2566). แนวทางการพัฒนาสุขภาวะองค์รวมโดยนวัตกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ตำบลภูหอ อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี, 17(3), หน้า 113-125.
สำนักงานสถิติจังหวัดสมุทรปราการ. (2567). รายงานสถิติจังหวัดสมุทรปราการ 2567. สำนักงานสถิติจังหวัดสมุทรปราการ.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2567). การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2567. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.
อุบลทิพย์ ไชยแสง, นิวัติ ไชยแสง และลุกมาน มะรานอ. (2563). การศึกษาสุขภาวะทางจิตและมุมมองในการดำเนินชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาวะทางจิตของผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 7(1), หน้า 306-318.
Adams, T., Bezner, J., & Steinhardt, M. (1997). The conceptualization and measurement of perceived wellness: Integrating balance across and within dimensions. American Journal of Health Promotion, 11(3), pp. 208-218.
Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), pp. 607–610.
McClusky, H. Y. (1975). Education for ageing: The Scope of the Field and Perspectives for the Future In S. M. Grabowski & W. D. Mason (Eds.), Education for the Ageing (pp. 324–355). Adult Education Association of the United States of America.
Ryff, C.D. (2014). Psychological well-being revisited: Advances in the science and practice of eudaimonia. Psychther Psychosom, 83(1), pp. 10-28.
United Nations. (2023). United Nations DESA Programme on Ageing. https://social.desa.un.org/issues/ageing
WHO. (2022). Active ageing: A policy framework. World Health Organization.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- บทความในวารสารวิชาการมนุษย์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์ ไม่ใช่ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ และไม่ใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการและ/หรือของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
- บทความที่ได้รับตีพิมพ์จะมีการตรวจความถูกต้องเหมาะสมจากกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง (peer review) จำนวน 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ทราบผู้นิพนธ์ และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (double-blind peer review)
