การปฏิเสธความรับผิดชอบ: การจำนนอย่างมักง่ายและการโทษผู้อื่นของตัวละครนิวแลนด์ อาร์เชอร์ในนวนิยายเรื่อง ดิเอจออฟอินโนเซนต์

ผู้แต่ง

  • พิชามญชุ์ บุญช่วย สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

คำสำคัญ:

การกล่าวโทษ, การยึดติดแบบปฏิบัติ, ดิเอจออฟอินโนเซนต์

บทคัดย่อ

นิวแลนด์ อาร์เชอร์ ตัวละครหลักในนวนิยาย เรื่อง ดิเอจออฟอินโนเซนต์ ของอีดิธ วอร์ตัน ที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อค.ศ. 1920 นำเสนอชายผู้เป็นอภิสิทธิ์ชนที่อยู่ท่ามกลางแนวปฏิบัติอันเสแสร้งของสังคมชั้นสูงในนิวยอร์กราว ค.ศ. 1870 แม้ว่าอาร์เชอร์จะมีข้อได้เปรียบในชีวิตมากมาย แต่เขาไม่เคยลงมือทำอะไรเพื่อไขว่ขว้าสิ่งที่ตนปรารถนาหรือเพื่อให้มีชีวิตตามที่ต้องการอย่างแท้จริง จากการศึกษาผลงานเชิงการตีความบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของนวนิยายเรื่องนี้ และบทความที่ศึกษาความเสแสร้งและความซับซ้อนทางจิตใจของอาร์เชอร์ รวมถึงนำทฤษฎีการอนุมานสาเหตุมาประกอบกัน บทความนี้นำเสนอตัวละครนิวแลนด์ อาร์เชอร์ ในมุมมองที่สะท้อนแนวโน้มอันน่าสลดใจของลักษณะของมนุษย์ที่ต้องการปลดเปลื้องตนจากความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นลักษณะความเป็นมนุษย์ที่ยึดติดตัวเขาไปตลอดชีวิต อาร์เชอร์ยอมจำนนอย่างมักง่ายต่อสถานการณ์ต่าง ๆ และเมื่อผลลัพธ์ของการเพิกเฉยทำให้เขาคับข้องใจ เขาปฏิเสธความรับผิดชอบด้วยการกล่าวโทษผู้หญิงที่เขาอ้างว่ารัก โทษภรรยาที่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบตามบรรทัดฐานของสังคม หรือแม้กระทั่งโทษโชคชะตา นอกจากการสร้างตัวละครแล้ว การเลือกใช้รูปแบบการเล่าเรื่องตามขนบเดิมของวอร์ตันยังสะท้อนการยอมจำนนตามความคาดหวังของสังคมของอาร์เชอร์ รวมไปถึงการที่เขาละจากสิ่งนั้นไม่ได้ไปจนตลอดเรื่องอีกด้วย

เอกสารอ้างอิง

Daigrepont, L.M. (2007). The Cult of Passion in “The Age of Innocence.” American Literary Realism, 40(1), pp. 1–15.

Goldberg, S. (2020). Newland Archer’s Doubled Consciousness: Wharton, Psychology, and Narrational Form. In A. Zibrak (Ed.), Edith Wharton’s The Age of Innocence: New Centenary Essays (pp. 99–114). Bloomsbury Academic.

Hadley, K.M. (1991). Ironic Structure and Untold Stories in “The Age of Innocence.” Studies in the Novel, 23(2), pp. 262–272.

Heider, F. (1958). The Psychology of Interpersonal Relations. John Wiley & Sons.

Kress, J. (2002). The Figure of Consciousness: William James, Henry James, and Edith Wharton. Routledge.

Moseley, E.M. (1959). “The Age of Innocence”: Edith Wharton’s Weak Faust. College English, 21(3), pp. 156–160.

Orlando, E.J. (1998). Rereading Wharton’s “Poor Archer”: A Mr. “Might-have-been” in “The Age of Innocence.” American Literary Realism, 1870-1910, 30(2), pp. 56–76.

Saunders, J.P. (2008). Afterword. In E. Wharton, The Age of Innocence (pp. 306–316). Signet Classics. (Original work published 1920).

Waid, C. (2003). Preface. In C. Waid (Ed.), The Age of Innocence (pp. xiii–xx). W. W. Norton. (Original work published 1920).

Wharton, E. (2008). The Age of Innocence. Signet Classics. (Original work published 1920).

Witherow, J. (2003). A Dialectic of Deception: Edith Wharton’s “The Age of Innocence.” Mosaic: An Interdisciplinary Critical Journal, 36(3), pp. 165–180.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

08-12-2025

รูปแบบการอ้างอิง

บุญช่วย พ. (2025). การปฏิเสธความรับผิดชอบ: การจำนนอย่างมักง่ายและการโทษผู้อื่นของตัวละครนิวแลนด์ อาร์เชอร์ในนวนิยายเรื่อง ดิเอจออฟอินโนเซนต์. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี, 8(3), ฺB1-B14. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/human_dru/article/view/282243

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ