การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ยั่งยืนโดยการทำเกษตรอินทรีย์ กรณีศึกษาชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตำบลคลองโยง อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
คำสำคัญ:
เกษตรอินทรีย์, คุณภาพชีวิต, ความยั่งยืนบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในชุมชนเกษตรอินทรีย์คลองโยงให้ยั่งยืนโดยการทำเกษตรอินทรีย์ โดยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้แบบสัมภาษณ์ระดับลึกและการสนทนากลุ่ม มีกลุ่มเป้าหมายในการเก็บข้อมูลอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นเกษตรกร จำนวน 30 คน ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 22–71 ปี การศึกษาไม่เกินระดับมัธยมศึกษา รายได้ต่อเดือน 10,000-30,000 บาท และก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้ง 8 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านสุขภาพ เกษตรกรมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากไม่ได้สัมผัสสารเคมีที่เป็นพิษ 2) ด้านการศึกษา เกษตรกรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีการจัดการความรู้ของคนในชุมชน 3) ด้านชีวิตการงาน เกิดการสร้างงานในระดับชุมชน มีความมั่นคงในการทำงาน 4) ด้านรายได้ ผลผลิตมีราคาสูงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค สร้างรายได้ให้ครอบครัวมีเงินออม และลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสารเคมี ไม่มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น 5) ด้านที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม การทำเกษตรอินทรีย์ ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างเป็นมิตรต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมและสร้างความสมดุลของระบบนิเวศ 6) ด้านชีวิตครอบครัวและชุมชน การทำเกษตรอินทรีย์ทำให้สมาชิกในครอบครัวทำงานในชุมชนไม่ต้องเดินทางไกล เกิดความอบอุ่นในครอบครัว ชุมชนเข้มแข็งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 7) ด้านการคมนาคม การทำเกษตรอินทรีย์สร้างผลผลิตในครัวเรือนได้เป็นจำนวนมาก จึงสามารถลดการเดินทางเพื่อออกไปจับจ่ายซื้อผลผลิตจากแหล่งอื่น ลดการใช้พลังงาน และ 8) ด้านการมีส่วนร่วม ชุมชนเกษตรอินทรีย์จัดการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง มีการสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เพื่อความมั่นคงทางอาหารและการขยายฐานการตลาดในอนาคตต
References
กรมวิชาการเกษตร. (2543). มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย. กรุงเทพฯ: กรมวิชาการการเกษตร.
กัญญ์พัสวี กล่อมธงเจริญ. (2560). คุณภาพชีวิตของเกษตรกรเกษตรอินทรีย์ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย, 12(1), หน้า 59-90.
โกวิทย์ พวงงาม. (2552). การปกครองท้องถิ่นไทย: หลักการและมิติใหม่ในอนาคต. (พิมพ์ครั้งที่ 7).กรุงเทพฯ: วิญญูชน.
คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ. (2560). ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติกรุงเทพฯ: สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง.
ทองพูน กองจินดา. (2556). การยอมรับแนวคิดเกษตรอินทรีย์ในทัศนะของเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ การปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบลคมบาง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี. ภาคนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น, มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
ธิดารัตน์ ไชยมงคล และบุศรา ลิ้มนิรันดร์กุล. (2556). แนวทางการขยายผลการทำเกษตรอินทรีย์ของเกษตรกรหมู่บ้านโพธิ์ทองเจริญ ตำบลเชิงดอยอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร, 44(2) พิเศษ, หน้า 153-156.
นุชจรี ทัดเศษ. (2544). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยเกษตรอินทรีย์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต. เพชรบูรณ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์.
ณรงค์ศักดิ์ น่วมเจริญ. (2558). ผู้นำกับการสร้างชุมชนเกษตรอินทรีย์ศึกษาผ่านผู้นำชุมชนศึกษากรณี: ชุมชนบ้านชำปลาไหล ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี. วิทยานิพนธ์พัฒนาชุมชนมหาบัณฑิตสาขาวิชาการพัฒนาชุมชน, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สนธยา พลศรี. (2547). ทฤษฎีและหลักการพัฒนาชุมชน. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). ดัชนีความก้าวหน้าของคน ประจำปี 2562.กรุงเทพฯ: บี.ซี.เพรส.
สุพจน์ บุญแรง. (2552). คุณภาพและความปลอดภัยทางอาหารของผักอินทรีย์สดพร้อมบริโภค. เชียงใหม่: คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อุทัย ปริญญาสุทธินันท์. (2561). การพัฒนาชุมชน แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนา ประเด็นปัจจุบันและกรณีศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
FiBL and IFOAM. (2017). The World of Organic Agriculture Statistics and Emerging Trends 2017. Switzerland: Frick.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- บทความในวารสารวิชาการมนุษย์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์ ไม่ใช่ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ และไม่ใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการและ/หรือของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
- บทความที่ได้รับตีพิมพ์จะมีการตรวจความถูกต้องเหมาะสมจากกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง (peer review) จำนวน 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ทราบผู้นิพนธ์ และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (double-blind peer review)