รำวงโบราณชอง
คำสำคัญ:
รำวง, โบราณชองบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา การสืบทอด องค์ประกอบของการแสดง และวิธีการแสดงรำวงโบราณชอง วิธีการศึกษา ผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลจากเอกสาร หนังสือ ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา อัตลักษณ์ของชาวชอง การสืบทอดการแสดง ความผูกพันของรำวงโบราณชองกับวิถีชีวิตชาวชอง องค์ประกอบของการแสดง ลักษณะการแต่งกาย วิธีการแสดง และโอกาสที่ใช้ในการแสดง โดยแบ่งกลุ่มการสัมภาษณ์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ และกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นศิลปะการแสดงรำวงโบราณชอง มีการกำหนดหลักเกณฑ์ของผู้ให้ข้อมูลทั้งสองกลุ่มที่ชัดเจน การสร้างเครื่องมือแบบสัมภาษณ์ พร้อมทั้งมีการตรวจสอบเครื่องมือและข้อมูล ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ เพื่อมาเขียนรายงานการวิจัย รำวงโบราณชอง ผลการวิจัยพบว่า รำวงโบราณชองเป็นการแสดงของชาวชองซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม ที่ตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี เป็นบทร้องที่มีการเกี้ยวพาราสีกันระหว่างชาย-หญิง เนื้อร้องมีทั้งบทร้องภาษาไทย และบทร้องภาษาชอง ซึ่งเป็นการบอกเล่าวิถีชีวิตของชาวชอง โดยมีการสืบทอด แบ่งได้ 2 ระยะ องค์ประกอบการแสดงประกอบด้วย บทร้องจำนวน 11 บทร้อง เครื่องดนตรี ใช้กลองเพลวัด หรือกลองทัด 1 ใบ ตีประกอบจังหวะ ท่ารำเป็นการเกี้ยวพาราสีระหว่างชาย-หญิง
References
ตรี อมาตยกุล. (2520). ประวัติเมืองจันท์และอักขรานุกรมภูมิศาสตร์จังหวัดจันทบุรี. กรุงเทพฯ: พับลิเคชั่นเซนเตอร์.
ประกิจ พงษ์พิทักษ์. (2558). การสร้างสรรค์ชุดการแสดง ระบำยันแย่. จันทบุรี: วิทยาลัยนาฏศิลป์จันทบุรี.
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). หลักการแสดงนาฏศิลป์ปริทรรศน์. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- บทความในวารสารวิชาการมนุษย์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์ ไม่ใช่ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ และไม่ใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการและ/หรือของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
- กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
- บทความที่ได้รับตีพิมพ์จะมีการตรวจความถูกต้องเหมาะสมจากกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง (peer review) จำนวน 3 คน โดยผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ทราบผู้นิพนธ์ และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (double-blind peer review)