การศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำบูรณาการของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา ในจังหวัดสกลนคร
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
วิจัยแบบผสมผสาน 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ศึกษาจากเอกสารและงานวิจัย 10 แหล่ง (2) ตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน และ (3) ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้จากผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ในจังหวัดสกลนคร ปีการศึกษา 2568 เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบสังเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมิน 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบองค์ประกอบภาวะผู้นำบูรณาการ 3 ด้าน คือ (1) วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการ (2) ความร่วมมือและการสร้างเครือข่าย และ (3) นวัตกรรมและการแก้ปัญหาเชิงปรับตัว โดยมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในระดับมากที่สุด (M = 4.67, S.D. = 0.41) ข้อเสนอแนะคือควรนำแนวคิดภาวะผู้นำบูรณาการไปใช้เพื่อเสริมศักยภาพผู้บริหารให้มีกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ และความสามารถในการสร้างเครือข่ายและขับเคลื่อนนวัตกรรม สอดคล้องกับแผนปฏิรูปการศึกษาและนโยบายพัฒนาผู้นำระยะยาว เพื่อยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิผล
Downloads
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อมูลภาพ เสียง วิดีโอ และข้อความที่ปรากฎบนเว็บไซต์นี้ ผู้นำไปใช้จะถูกอนุญาตให้นำไปใช้ได้ โดยจะต้องอ้างอิงแหล่งที่มา จะต้องไม่นำไปใช้เพื่อการค้า และจะต้องไม่ดัดแปลง (CC-BY-NC-ND)
เอกสารอ้างอิง
เขตรัฐ จันทิหล้า. (2566). ภาวะผู้นำเชิงบูรณาการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา. [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา]. 375-383. https://so07.tcithaijo.org/index.php/rtnb/article/download/2662/1752/16717?utmsource=chatgpt.com.
แจ่มแจ้ง ศักดา. (2560). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงบูรณาการสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับปฐมวัยสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, 8(2), 93–113. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJPU/article/view/64001.
ธีระนันต์ โมธรรม, วาโร เพ็งสวัสดิ์, และเอกลักษณ์ เพียสา (2566). องค์ประกอบภาวะผู้นำแบบยั่งยืนของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษานครพนม. วารสารวิจัยวิชาการ, 6(3),77-92. https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jra/article/view/260227.
เนตรนภิส นพเกตุ, ประยูร อิ่มสวาทดิ์, และธนวิน ทองแพง. (2563). การพัฒนารูปแบบภาวะผู้นำเชิงระบบของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 31(1), 60-74.
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/edupsu/article/view/194101/164281.
ศักดา พรมกุล. (2563). โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงบูรณาการที่ส่งผลต่อโรงเรียนคุณภาพของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน. [วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น].
ณัฐณิชา ติยะศาศวัต. (2563). Relationship between emotional intelligence and transformational leadership of school administrators under the Secondary Educational Service Area Office 2. Rajapark Journal, 14(36), 189–202.
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RJPJ/article/view/245142/168239.
Zhang, D., Sun, X., Tian, F., & Zhou, S. (2021). The impact of integrative leadership on employees’ innovation performance in the context of internet-based transition: Evidence from China. Chinese Management Studies, 15(5), 985-1008.
Parkkinen, J. (2024). Integrative public leadership: A systematic review. International Journal of Public Sector Management. Advance online publication. https://doi.org/10.1108/IJPSM-03-2024-0093.
Ismail, W. K. W., Hussain, G., & Rashid, M. A. (2011). Integrative framework of leadership effectiveness. International Journal of Business and Social Science, 2(2), 126– 132. https://www.academia.edu/.
Wilson Prangley, A. & Olivier, J. (2016). Integrative public leadership in the private sector in South Africa. Development Southern Africa, 33(2), 258 271. https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/0376835X.2015.1120653?utm_source=chatgpt.com
Malin, J. R., & Hackmann, D. G. (2019). Integrative leadership and cross-sector reforms: High school career academy implementation in an urban district. Educational. Administration Quarterly, 55(3), 318–355. https://doi.org/10.1177/0013161X18785870.
