ลิเกในยุคดิจิทัล

Main Article Content

นิพัทธ์ จงดี
ผกามาศ จิรจารุภัทร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการแสดงลิเกในยุคดิจิทัล และเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดลิเกในยุคดิจิทัล โดยศึกษาจากเอกสารตำรางานวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามจากการสัมภาษณ์นักวิชาการด้านการแสดงลิเก และศิลปินลิเกมืออาชีพพร้อมทั้งศิลปินลิเกร่วมสมัย การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม โดยผู้วิจัยได้มีโอกาสเข้าไปร่วมแสดงลิเกกับคณะที่จัดการแสดงในรูปแบบออนไลน์ และการสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วม โดยการรับชมการแสดงลิเกออนไลน์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ผลงานการแสดงลิเก
ผลการศึกษาพบว่ายุคดิจิทัลเป็นยุคที่ผู้คนให้ความสนใจและพึ่งพาเทคโนโลยี เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวันทางด้านการปฏิบัติงาน..แม้กระทั่งการรับความบันเทิงจากสื่อสังคมออนไลน์ จึงทำให้เราสามารถพบเห็นศิลปะการแสดงปรากฏอย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน หนึ่งในนั้นคือการแสดงลิเก ลิเกในยุคดิจิทัลจึงได้รับความนิยมทั้งศิลปินและผู้ชมปรากฏอย่างแพร่หลายได้ในช่วง ปี พ.ศ. 2560 – 2564 ลิเกในยุคดิจิทัลแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) ลิเกงานปิดวิก 2) ลิเกงานปลีก 3) ลิเกงานร่วมสมัย โดยรูปแบบการแสดงลิเกในยุคดิจิทัลประกอบด้วย 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบมีผู้ชมในสถานที่จัดการแสดง และแบบไม่มีผู้ชมในสถานที่จัดการแสดงแต่เผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชันบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดลิเกในยุคดิจิทัลสามารถแบ่งได้เป็น 3 ปัจจัย ดังนี้ 1) กระแสสังคมที่ผู้คนให้ความสนใจสื่อสังคมออนไลน์มากยิ่งขึ้น 2) สถานการณ์บ้านเมืองที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหากับสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 3) ค่านิยมของคนดูลิเกในปัจจุบัน ปัจจัยดังกล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุ ทำให้ศิลปินลิเกต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถทำการแสดงสร้างรายได้ให้กับตนเองพร้อมทั้งครอบครัวให้อยู่รอดในยุคดิจิทัลต่อไป การศึกษาวิจัยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นประเด็นศิลปะการแสดงและการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งบนโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นรากฐานความมั่นคงทางด้านศิลปะที่งอกงามเติบโตควบคู่ไปกับโลกในทุกยุคทุกสมัยอันจะนำพาให้เกิดความงอกงามทางสุนทรียะอย่างยั่งยืนสืบไป

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Bunturng, A. (2021, November 9). Interview.

Bunturng, P. (2021, November 8). Interview.

Cohen, Elena P. (2016). Sāmphrǣng Wan Wān Sū Wan Nī : Kān Plīanplǣng Læ Kān Prap Tūa Thāmklāng Khwāmpen Mư̄ang [Sam Phraeng from Yesterday to Today: Change and Adaptation in the Middle of the City]. Research Report, Department of Anthropology, Faculty of Archeology, Silpakorn University.

Nattakarnjanadid, K. and Nuanyai, P. (2021). Likē Witthayu Sēnā Čhangwat Phra Nakhō̜n Sī ʻAyutthayā : Khwām Banthœ̄ng Thī Lư̄a Phīang Khwām Song Čham [Thai Traditional Radio Dramatic Performance, Sena District, Phranakhon Si AyutthayaProvince: The Entertainment Leaving Only a Memory]. Journal of Ayutthaya Studies Institute (JAS), 13(2), 7-26.

Praipiboonyakit, N. (1998). Likē [Likay]. Bangkok: S.T.P. World Media Company Limited.

Rojanasuksomboon, A. (2016). Likē: Kān Sadǣng Læ Kān Fưkhat [Likay: Acting and training]. Bangkok: Printing House of Chulalongkorn University.

Somphaiboon, S. (2000). Sanyaniyom Nai Sư̄sān Kān Sadǣng “Likē” Yuk Lōkāphiwat [Semiotics of Likay in globalized age] [Master’s thesis], Department of Speech Communication and Performing Art, Faculty of Communication Arts, Chulalongkorn University.

Sompiboon, S. (2021, August 28). Interview.

Thanomsriuthai, P. (2021). Kānchai Lak Pratyā Sētthakit Phō̜phīang Kap Sangkhom Yuk Dičhithan [Applying the sufficiency economy philosophy to the digital age society]. Journal of MCV Haripunchai Review, 5(1), 53 – 64.

Wirunrak, S. (2011). Nāttasin Ratchakān Thī Hā [Rama V’s Dramatic Arts]. Bangkok: Office for the Promotion of Welfare and Welfare for Teachers and Educational Personnel of Thailand Ladprao.