พระแม่โพสพรูปลักษณ์แห่งศิลปะศรัทธาอันสูงค่า : ขวัญกำลังใจแก่การกสิกรรม
Main Article Content
บทคัดย่อ
พระแม่โพสพคือเทพผู้ปกปักษ์รักษาต้นข้าวที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความงดงาม ในด้านศิลปะ พระแม่โพสพถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของงานจิตรกรรมและประติมากรรมตามยุคสมัย แต่การสร้างสรรค์รูปเคารพกลับมีรูปแบบที่แข็งทื่อ.มีความงามทางสุนทรียะน้อย ทั้งนี้ เกิดจากการสืบทอดรูปแบบและวิธีการที่ทำเลียนแบบซ้ำกันมา โดยมิได้มีการศึกษาในเชิงประติมานวิทยา ผู้วิจัยจึงทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพระแม่โพสพและต่อยอดสู่การพัฒนารูปแบบของศิลปะร่วมสมัย ที่ยังคงความงดงามและความศรัทธาบนพื้นฐานของการอนุรักษ์ตามแบบประเพณี
ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผลงานศิลปะพระแม่โพสพเพื่อทำการวิเคราะห์ในด้านต่าง ๆ ตามหลักการทางศิลปะจำนวน 12 ชิ้นงาน จาก 2 กลุ่มคือ ผลงานจิตรกรรมจำนวน 6 ชิ้นงาน และผลงานประติมากรรมจำนวน 6 ชิ้นงาน จากผลการวิจัยสามารถสรุปได้ว่า รูปแบบตามประติมานวิทยาของพระแม่โพสพที่พบเห็นกันโดยทั่วไป เป็นเทพชั้นสูง เป็นสตรีงดงาม แต่งกายด้วยผ้าผ่อนแพรพรรณและเครื่องประดับตามแบบโบราณ ลักษณะเด่นคือมือข้างหนึ่งถือรวงข้าว ผู้วิจัยจึงนำจุดเด่นต่าง ๆ มาทำการวิเคราะห์ในด้านประติมานวิทยา รูปลักษณ์ โครงสร้าง เส้น สี ลวดลาย และการตกแต่งเครื่องประดับแพรพรรณ
สรุปผลการวิจัย ผู้วิจัยได้ออกแบบแผนภูมิเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์งานศิลปะศรัทธาพระแม่โพสพที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลสู่กระบวนการเกิดศิลปะศรัทธา 1 แผนภูมิและได้สกัดองค์ความรู้ใหม่เพื่อเป็นหลักการในการสร้างสรรค์ศิลปะศรัทธาพระแม่โพสพรวมเป็นหลักการ 8 ข้อคือ 1) รูปทรงทางสรีระมีความอวบอิ่มสื่อความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณทางการเกษตร 2) จัดโครงสร้างสรีระให้อยู่ในรูปทรงสามเหลี่ยมเพื่อแสดงถึงความสงบน่าศรัทธา 3) ท่วงท่าการยืนและนั่งมีความสง่างามตามแบบแผนเทวคติที่มีความพิเศษเหนือมนุษย์ 4) การถือช่อธัญพืชในมือหรือเคียวเกี่ยวข้าวสื่อความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร 5) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับตกแต่งตามแบบสตรีผู้สูงศักดิ์หรือเครื่องแบบของชนชั้นสูงในราชสำนัก 6) การเปลือยกายท่อนบนตามหลักการสร้างรูปเคารพในศาสนาฮินดู 7) รูปร่างทางสรีระแสดงความอ่อนหวานนุ่มนวลมีความละมุนละไม และน่าพิสมัย 8) ประทับบนพาหนะที่เป็นสัตว์หรือพระแท่นหรือบัลลังก์อันแสดงถึงความสูงศักดิ์ จากนั้นผู้วิจัยนำหลักการดังกล่าวมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจำนวน 10 ผลงาน แล้วนำผลงานวิจัยไปจัดแสดงงานนิทรรศการโพสพาญชลี และนำไปติดตั้งถาวรที่โครงการเกษตรอทิตยาทร จังหวัดสุรินทร์ และโรงเรียนชาวนาศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Kosad, S. “Mǣphōsop. [Mae Phosop]”. Silpakorn University Journal 3, No.1 (June 1949), 80.
Nātchamnong, T. Watthanatham khāo Thai. [Thai Rice Cuture]. Bangkok: Chonniyom. 2016.
Pengkaew, N. “Mǣphōsop mī mā tǣ mư̄adai” [The Biginning of Pha Mae Phosop]. Muang Boran Journal 42, no. 3 (2016), 158 - 159.
Satsanguan, N. “Watthanatham khāo nai sangkhom Thai: kān khong yū læ kān plīanplǣng. [Rice Culture in Thai: Persistence and Change]. ” Bangkok: Faculty of Political Science, Chulalongkorn University, 2002.
Sujachaya, S. Watthanatham khāokhō̜ng Khon Thai lumnam nakhō̜n chai sri. [Thai Rice Culture in Nakornchaisri Canal]. Mǣphōsop Sālī Thēwa Nārī Ton Khāo. [Mae Phosop The goddess of Rice]. Faculty of Liberal Arts. Bangkok: Mahidol University, 2018.
Thongdee, I. khāo : watthanatham læ kān plīanplǣng. [Rice: Culture and Change]. Bangkok: Matichon,1995.
Yoo-in, N. Kān damrong khwām chư̄a læ phithīkam kīeokap khāo nai sangkhom Thaipatčhuban: kō̜ranī sưksā mūbān dō̜n phō tambon chāi nā ʻamphœ̄ sēnā čhangwat Phra Nakhō̜n Sī ʻAyutthaya. [Persistence of beliefs and rituals concerning rice in contemporary Thai society: a case study of Don Pho Village, Tambon Chaina, Amphoe Sena, Changwat Phra Nakhon Si Ayutthaya]. Research report, Faculty of Arts, Chulalongkorn University, 2010.