หลักทัศนียวิทยาและพัฒนาการของภาพจิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัชกาลที่ 4-5
คำสำคัญ:
ทัศนียวิทยา, ศิลปะแบบสัจนิยม, ขรัวอินโข่ง, กระดาษปิดฝาเรือนบทคัดย่อ
จิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เป็นยุคแห่งการรับอิทธิพลของศิลปะแบบตะวันตกหรือศิลปะแบบสัจนิยมที่มีเทคนิคการเขียนภาพเน้นความเหมือนจริง รวมทั้งมีการเริ่มใช้หลักทัศนียวิทยาหรือหลัก PERSPECTIVE ในการเขียนภาพจิตรกรรม จึงได้ทำการศึกษาและเก็บข้อมูลจากภาพจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถและพระวิหารในวัดกลุ่มตัวอย่างในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 ศึกษาเปรียบเทียบโดยเฉพาะในเรื่องหลักทัศนียวิทยารวมถึงพัฒนาการในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ผลการศึกษาพบว่าการเขียนภาพจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ แบบที่ 1 จิตรกรรมไทยประเพณี การเขียนภาพเป็นแบบ 2 มิติ ไม่มีการเขียนหลักทัศนียวิทยาที่ชัดเจน แบบที่ 2 คือจิตรกรรมไทยประเพณีผสมกับตะวันตก มีเทคนิคการเขียนที่เน้นความสมจริงมากขึ้น ใช้เส้นนอนแสดงระยะภาพที่ใกล้ไกลและใช้เส้นเฉียงแสดงความลึกของภาพ แบบที่ 3 คือจิตรกรรมตะวันตกหรือแบบสัจนิยม ซึ่งท่าน ขรัวอินโข่ง เป็นผู้ริเริ่มการเขียนภาพให้มีระยะใกล้ไกลแบบตะวันตก มีแสงเงา มีปริมาตร เป็น 3 มิติ เขียนภาพจิตรกรรมต่อเนื่องกันคล้ายกับภาพกระดาษปิดฝาเรือนหรือ SCENIC WALLPAPER ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตะวันตก ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นเป็นยุคที่บ้านเมืองพัฒนารวมทั้งมีชาวตะวันตกเข้ามาทำงานในรัชสมัยนี้ ส่งผลให้การเขียนจิตรกรรมตรงตามหลักทัศนียวิทยามากขึ้น ภาพมีเส้นนำสายตาและมีจุดรวมสายตาตามหลักวิชาการ จึงถือได้ว่าสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เป็นยุคสมัยของงานจิตรกรรมที่มีความน่าสนใจ มีคุณค่าและส่งผลให้เกิดการพัฒนาสู่ยุคต่อมาของงานจิตรกรรมฝาผนังไทย
เอกสารอ้างอิง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554.
นพดล เวชวิฐาน. เขียนแบบเทคนิคเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น, 2547.
นัฐประชา หงษ์สุวรรณ. การเขียนแบบทัศนียภาพ. กรุงเทพฯ : วาดศิลป์, 2560.
พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์. วัด-วัง ในพระราชประสงค์พระจอมเกล้าฯ. กรุงเทพฯ : มติชน, 2560.
พิชญา สุ่มจินดา. ราชประดิษฐพิพิธทรรศนา. กรุงเทพฯ : วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม, 2555.
วิยะดา ทองมิตร. จิตรกรรมแบบสากลสกุลช่างขรัวอินโข่ง. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2522.
วิไลรัตน์ ยังรอด และ ธวัชชัย องค์วุฒิเวทย์. ถอดรหัส ภาพผนัง พระจอมเกล้า-ขรัวอินโข่ง. นนทบุรี : มิวเซียมเพลส, 2559.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. พุทธศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์ พัฒนาการของช่างและแนวคิดที่ปรับเปลี่ยน. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2556.
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์. ปทุมวนานุสรณ์ โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดปทุมวนาราม. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับบลิชชิ่ง, 2555.
สำนักงานหอสมุดแห่งชาติ กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก. ต้นร่างรูปภาพขรัวอินโข่ง. กรุงเทพฯ : สำนักหอสมุดแห่งชาติ, 2559.
Alberti, Leon Battista. On the Painting. New York: 1991.
Oak Knoll. “Scenery of Great Britain and Ireland in Aquatint and Lithography 1770-1860.” https://www.oakknoll.com/.
Papiers de Paris. “Papiers peints panoramiques.” https://www.papiersdeparis.com/papiers-peints-anciens-7/promenade-dans-un-parc-papier-peint.
White House Museum. “Diplomatic Reception Room.” http://www.whitehousemuseum.org/floor0/diplomatic-room.htm.
Wikipedia. “Scrovegni Chapel.” https://en.wikipedia.org/wiki/Scrovegni_Chapel.
Wikipedia. “The Allegory of good and bad Government.” https://en.wikipedia.org/wiki/The_Allegory_of_Good_and_Bad_Government.
Wikipedia. “The School of Athens.” https://en.wikipedia.org/wiki/The_School_of_Athens.
World in Pocket-size Format. “A peek at the postcard collection of Swiss entrepreneur Adolf Feller (1879-1931).” https://www.swissinfo.ch/eng/the-world-in-pocket-size-format/32387504.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 JANEJIRA SOPHON, JEERAWAN SANGPETCH

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ของบทความเป็นของเจ้าของบทความ บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นทัศนะของผู้เขียน
กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่รับผิดชอบต่อบทความนั้น


