รูปแบบการพัฒนานักศึกษาวิชาชีพครูศิลปะเพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการจัดการเรียนรู้ศิลปะให้กับนักเรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียนรวม
คำสำคัญ:
นักศึกษาวิชาชีพครูศิลปะ, การจัดการเรียนรู้ศิลปะ, ห้องเรียนรวมบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการพัฒนานักศึกษาวิชาชีพครูศิลปะเพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้ศิลปะให้กับนักเรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียนรวม 2) ประเมินผลการใช้รูปแบบการพัฒนานักศึกษาวิชาชีพครูศิลปะเพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้ศิลปะให้กับนักเรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียนรวม กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวม ได้แก่ครูศิลปะ อาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปศึกษาระดับอุดมศึกษาและนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูสาขาวิชาศิลปศึกษา จำนวน 12 คน กลุ่มตัวอย่างในการทดลองใช้รูปแบบ ได้แก่ นักศึกษาสาขาวิชาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จำนวน 30 คน เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวม 2)แบบวัดความรู้ความเข้าใจ 3)แบบประเมินตนเอง 4) แบบประเมินการจัดการเรียนรู้ 5)แบบประเมินความพึงพอใจ 6) ประเด็นคำถามแบบมีโครงสร้างสำหรับการสนทนากลุ่ม
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
- รูปแบบการพัฒนานักศึกษาวิชาชีพครูศิลปะเพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้ศิลปะให้กับนักเรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียนรวม ประกอบด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น หรือ KAPPA Model คือ 1) ขั้นบูรณาการความรู้ศิลปะและการจัดการเรียนรวม (Knowledge integration) 2) ขั้นวิเคราะห์ปัญหาในห้องเรียนรวม (Analyze Problems) 3) ขั้นวางแผนกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวม (Planning) 4) ขั้นการฝึกฝนกระบวนการจัดการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวม (Practice) 5) ขั้นการประเมินและพัฒนาความสามารถ (Assessment and development)
- ผลการทดลองใช้ KAPPA Model กับกลุ่มทดลอง พบว่า 1) มีความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2) การประเมินตนเองในด้านการจัดการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวมของกลุ่มตัวอย่างหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) การจัดการเรียนรู้ศิลปะในห้องเรียนรวมอยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ย 80.70 4) ความพึงพอใจในการใช้รูปแบบการพัฒนานักศึกษาวิชาชีพครูศิลปะเพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้ศิลปะให้กับนักเรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียนรวม อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.47 (ร้อยละ 89.47) 5) การสนทนากลุ่มหลังการทดลองพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนรวม สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะในการออกแบบกิจกรรมศิลปะสำหรับสอนนักเรียนที่มีความหลากหลายในห้องเรียนรวมได้
เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี. (2561). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 22). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประไพลิน จันทน์หอม. (2564). การศึกษาการจัดการเรียนรู้ศิลปะเพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. วารสารครุพิบูล คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 8(2), 255.
พัชรินทร์ รุจิรานุกูล อัฐฉนา แพทย์ศาสตร์ และสุรีย์มาศ สุขกสิ. (2565). แนวทางการสร้างเสริมสมรรถภาพของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี. วารสารวิจัยราชภัฏกรุงเก่า, 9(2), 91.
วลิดา อุ่นเรื่อน. (2563). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมร่วมกับแนวคิดการเรียนรู้ตามสภาพจริง เพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการความรู้ที่เน้นความแตกต่างกระหว่างบุคคลสำหรับนักศึกษาครู. [วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน]. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ศรียา นิยมธรรม. (2540). การเรียนร่วมสำหรับเด็กปฐมวัย. เลิฟแอนด์เลิฟเพรส.
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2559). จิตวิทยาการศึกษา. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2565). ระบบสารสนเทศด้านการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์. http://106.0.176.62/specialbasic/report_guest.php.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2554). มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลักสูตรห้าปี). www.mua.go.th/users/tqfhed/news/FilesNews/.../education5year_m1.pdf.
Bobick, B. (2008). A study of Cooperative Art Education in Elementary Art Classrooms. Doctoral dissertation, the Graduate Faculty, University of Georgia. https://getd.libs.uga.edu/.../bobick_bryna_200805_edd.pdf.
Efland, A. (2002). Art and Cognition: Integrating the visual arts in the curriculum. Teachers College Press.
Joyce,B. and Weil, M, & Calhoun, E. (2004). Models of teaching. Allyn and Bacon.
National Art Education Association. (2009). Professional Standards for Visual Arts Educators. www.arteducators.org/research/NAEA_Art_Ed_Stds.pdf.
Open Society Foundation. (2019). The Value of Inclusive Education. https://www.opensocietyfoundations.org/explainers/value-inclusive-education.
Reavis, L. J. (2009). Art Teacher Preparation for Teaching in an Inclusive Classroom: A Content Analysis of Pre-Service Programs and a Proposed Curriculum. [Master of Art Education]. Georgia State University.
Sakarneh, M. & Abu Nair, N. (2014). Effective Teaching in Inclusive Classroom: Literature Review. Journal of Education and Practice, 5(24), 30.
UNESCO. (2006). Road Map for Arts Education In The World Conference on Arts Education: Building Creative Capacities for the 21st Century Lisbon, 6-9 March 2006. http://www.unesco.org/new/fileadmin/htMULTIMEDIA/HQ/CLT/CLT/pdf/Arts_Edu_RoadMap_en.pdf.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์เป็นของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม