การพัฒนาความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้รูปแบบการสอน B-SLIM Model
คำสำคัญ:
รูปแบบการสอน B-SLIM Model, ความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษ, การรับรู้ความสามารถของตนในการใช้ภาษาอังกฤษบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษของนักศึกษาโดยใช้รูปแบบการสอน B-SLIM Model ก่อนเรียนและหลังเรียน และ 2) ศึกษาการรับรู้ความสามารถของตนในการใช้ภาษาอังกฤษในการสอนของนักศึกษาก่อนและหลังได้รับการสอนโดยใช้รูปแบบการสอน B-SLIM Model กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ชั้นปีที่ 1 รหัส 63 สาขาวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ (มคอ.3) รายวิชา EDUC111 ภาษาเพื่อการสื่อสารสำหรับครู แบบทดสอบวัดความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษก่อนและหลังเรียนโดยเป็นการเขียนแบบอิสระ และแบบวัดระดับการรับรู้ความสามารถของตนในการใช้ภาษาอังกฤษในการสอนของนักศึกษา การดำเนินการทดลอง จำนวน 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้งๆละ 3 ชั่วโมง รวมเป็น 18 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ t-test dependent.
ผลการวิจัย พบว่า
1. นักศึกษามีความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษหลังการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอน B-SLIM Model สูงขึ้นกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
2. นักศึกษามีผลการรับรู้ความสามารถของตนในการใช้ภาษาอังกฤษในการสอนของนักศึกษาก่อนและหลังได้รับการสอนโดยใช้รูปแบบการสอน B-SLIM Model มีค่าคะแนนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ยก่อนเรียน 2.39 และค่าเฉลี่ยหลังเรียนเพิ่มเป็น 3.44
เอกสารอ้างอิง
กฤตพร ช่วยบุญชู. (2558). การพัฒนาทักษะและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในวิชาภาษาอังกฤษในชีวิตจริง 2
โดยใช้ B-SLIM Model ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคบริหารธุรกิจกรุงเทพ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคบริหารธุรกิจกรุงเทพ.
จันทร์ทรงกลด คชเสนี. (2548). มิติเพื่อการพัฒนาภาษา :กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธูปทอง กว้างสวัสดิ์. (2549). คู่มือการสอนภาษาอังกฤษ. มหาสารคาม: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ปารณัท ศุภพิมลและจารุณี มณีกุล. (2561). การใช้การสอนแบบบีสลิมเพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, ปีที่ 20 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2561.
ภาวิณี เดชเทศ. (2563). การศึกษาการรับรู้ความสามารถของตนในการใช้ภาษาอังกฤษในการสอนของนักศึกษาครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม.
ยะยา ยุทธิปูน. (2562). การวิเคราะห์องค์ประกอบของความเชื่อมั่นในการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2562. หน้า 62-76.
Bandura, A. Self-efficacy (1977). Toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review, 84, 191-215.
Bilash, Olenka S. E. (2002). “The Challenges and Successes of Developing a Literacy Community in a Minority Language in Western Canada: An Action Research Study,” Foreign Language Annals. 35; 3.
Bruner, Jerome. (1977). The Process of Education. Cambridge: Harvard University Press.
Harris, D. (1988). Testing English as a second language. NY: McGraw-Hill Book Company
Piaget, J. (1970). Piaget Theory. New York: Wiley
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์เป็นของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม