ผลการประเมินการรับรู้ความสามารถของตนเองเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้า และการติดเฟซบุ๊คของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ในยุคชีวิตวิถีใหม่

ผู้แต่ง

  • บุญเลี้ยง ทุมทอง มรภ.สุรินทร์

คำสำคัญ:

ภาวะซึมเศร้า, นักศึกษา, เฟซบุ๊ค, การรับรู้ความสามารถของตนเอง, ชีวิตวิถีใหม่

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาผลของการประเมินการรับรู้ความสามารถของตนเองเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้าและการใช้เฟซบุ๊คของนักศึกษา และ2)เพื่อหาตัวแปรที่มีอำนาจทำนายภาวะซึมเศร้าและการใช้เฟซบุ๊คของนักศึกษา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาจำนวน 753 คน โดยการสุ่มหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบคัดกรองภาวะซึมเศร้า แบบสอบถามประเมินการรับรู้ความสามารถของตนเองมีค่าความเชื่อมั่น 0.85 แบบสอบถามรูปแบบการอบรมเลี้ยงดูมีค่าความเชื่อมั่น 0.83 และแบบสอบถามการใช้เฟซบุ๊ค วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์การถดถอยพหุคุณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า

  1. นักศึกษามีระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองโดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.02 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.56
  2. นักศึกษามีระดับอาการของภาวะซึมเศร้าโดยรวมอยู่ในระดับมีความผิดปกติแต่ยังไม่มีภาวะซึมเศร้า มีค่าเฉลี่ย 0.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.99
  3. นักศึกษามีระดับรูปแบบการอบรมเลี้ยงดูมาโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 3.28 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.75
  4. ตัวพยากรณ์ที่ดีในการพยากรณ์ภาวะซึมเศร้าของนักศึกษา(Y1)ได้แก่ ความสามารถของตนเองและรูปแบบการอบรมเลี้ยงดูแบบพึ่งพาตนเอง โดยสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของภาวะซึมเศร้าของนักศึกษาได้ร้อยละ 76.88 มีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ 3.70
  5. ตัวพยากรณ์ที่ดีในการพยากรณ์การติดเฟซบุ๊คของนักศึกษา(Y2)ได้แก่ รูปแบบการอบรมเลี้ยงดูแบบลงโทษทางจิตและรูปแบบการอบรมเลี้ยงดูแบบพึ่งพาตนเอง โดยสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของการติดเฟซบุ๊คของนักศึกษาได้ร้อยละ 75.78 มีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์เท่ากับ 3.51

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา เงารังสี และคณะ. (2558). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่องโครงการสังเคราะห์งานวิจัยภายใต้กรอบการวิจัยเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ.
คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2560, 24 พฤษภาคม). บทวิเคราะห์แนวทางการจัดทำข้อเสนอทิศทางการเรียนรู้สำหรับเยาวชน. สืบค้นจาก http://www.nso.go.th/sites/2017/Lists/Activity/Attachments/120/A24-05-60.pdf
ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2528). ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวกับสุขภาพจิตและจริยธรรมของนักเรียนวัยรุ่น. กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ ประสานมิตร.
ภาสิต ศิริเทศ และณพวิทย์ ธรรมสีหา. (2562). ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก, 20(2), 58-65.
ลิขิต กาญจนาภรณ์. (2547). สุขภาพจิต. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, ศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วราภรณ์ รักวิจัย. (2535). การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ : ต้นอ้อการพิมพ์.
วิลาสลักษณ์ ชัววัลลี. (2542). ผลของรางวัลภายนอกและการรับรู้ความสามารถของตนที่มีต่อแรงจูงใจภายในของนักเรียน. กรุงเทพฯ: รายงานการวิจัยฉบับที่ 81 สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). รายงาน“เรียนออนไลน์ยุคโควิด-19 : วิกฤตหรือโอกาสการศึกษาไทย”. กรุงเทพฯ : สำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
________. (2563). สมรรถนะการศึกษาไทยในเวทีสากล ปี 2562 (IMD 2019). กรุงเทพฯ : บริษัท 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.
Bandura, A. (1997). Self-efficacy: Toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review, 84(1), 191-215.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-12-22