การสร้างตัวบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาจุดมุ่งหมายในการสร้างตัวบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ปรากฏในหนังสือประมวลนิทาน ร.6
2) เพื่อศึกษาบทบาทหน้าที่ทางสังคมของตัวบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ปรากฏในหนังสือประมวลนิทาน ร.6 และ 3) เพื่อศึกษากลวิธีการแต่งตัวบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ปรากฏในหนังสือประมวลนิทาน ร.6 โดยศึกษาวิเคราะห์จากเอกสาร ได้แก่ หนังสือประมวลนิทาน ร.6 แล้วนำข้อมูลมาสังเคราะห์และนำเสนอรายงานการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า จุดมุ่งหมายในการสร้างตัวบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมี 4 ประการ ได้แก่ จุดมุ่งหมายที่จะประชดประชันคนไทยที่นิยมวัฒนธรรมตะวันตกและยกย่องคนตะวันตกว่าเป็นคนชั้นสูงกว่าคนไทย จุดมุ่งหมายที่จะบอกถึงปัญหาของสังคมไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จุดมุ่งหมายที่จะเตือนสติให้คนไทยให้รู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรองก่อนจะเชื่อและจุดมุ่งหมายที่จะให้พระราชนิพนธ์เป็นเครื่องผ่อนคลายอารมณ์แก่ผู้อ่าน ส่วนด้านบทบาทหน้าที่ทางสังคมของตัวบทพระราชนิพนธ์นั้นพบว่า มีบทบาทหน้าที่ทางสังคม 3 ประการ ได้แก่ บทบาทหน้าที่ในการให้การศึกษา บทบาทหน้าที่ในการหาทางออกให้กับความคับข้องใจของบุคคล และบทบาทหน้าที่ในการเป็นเครื่องผ่อนคลายอารมณ์
ส่วนกลวิธีการแต่งตัวบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น พบว่า ใช้วิธีการเปิดเรื่องหลัก 2 วิธี ได้แก่ การเปิดเรื่องด้วยการบรรยายเหตุการณ์กับการเปิดเรื่องด้วยการบรรยายตัวละคร มีวิธีการดำเนินเรื่อง 3 วิธี ได้แก่ การดำเนินเรื่องแบบย้อนกลับ ตามลำดับปฏิทิน และเรียงลำดับเนื้อหาตามความสำคัญ และมีการปิดเรื่อง 4 วิธี ได้แก่ การปิดเรื่องแบบสุขนาฏกรรม แบบทิ้งท้ายไว้ให้คิด แบบหักมุมและแบบโศกนาฏกรรม ส่วนวิธีการนำเสนอแก่นเรื่องนั้นมี 4 วิธี ได้แก่ นำเสนอแก่นเรื่องผ่านตัวเรื่องทั้งหมด ผ่านการกระทำของตัวละคร ผ่านทัศนะของผู้เล่าและการบอกเล่าโดยตรงผ่านผู้เล่า นอกจากนี้ยังมีการสร้างฉาก 3 แบบ ได้แก่ ฉากที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ ฉากที่เป็นช่วงเวลาและฉากที่เกิดขึ้นจากจินตนาการ อีกทั้งมีการสร้างตัวละคร 3 วิธี ได้แก่ การสร้าง ตัวละครที่เป็นคน ตัวละครที่เป็นสัตว์ และตัวละครจากจินตนาการ ส่วนการสร้างบทสนทนานั้นมี 3 แบบ ได้แก่
การสร้างบทสนทนาโดยสะท้อนบุคลิกลักษณะของตัวละคร สะท้อนแนวคิดของผู้แต่ง และสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งของตัวละคร
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เกศรินทร์ คันธมาลา. (2552). การศึกษาวิเคราะห์ภาพสะท้อนสังคม วรรณคดีเรื่องพระสี่เสาร์กลอนสวด. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาภาษาไทย, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร).
เกศินี จุฑาวิจิตร. (2552). การเขียนสร้างสรรค์ทางสื่อสิ่งพิมพ์. นครปฐม: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.
ไพพรรณ อินทนิล. (2534). เทคนิคการเล่านิทาน. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
รสริน ดิษฐบรรจง. (2552). การเขียน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.
ลาวัลย์ สังขพันธานนท์. (2552). บทบาทหน้าที่ของนิทานพื้นเมืองลาว. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร).
วรรธนะรัตน์ ไชยวงศ์. (2550). การวิเคราะห์กลวิธีการแต่งและคุณค่าของนวนิยายแปลเกาหลี. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่).
วิรัลพัชร จรัสเพชร. (2555). กลวิธีการสร้างตัวละครในนวนิยายของ “กิ่งฉัตร”. (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาภาษาไทย, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร).
ศิราพร ณ ถลาง. (2557). ทฤษฎีคติชนวิทยาวิธีวิทยาในการวิเคราะห์ตำนาน-นิทานพื้นบ้าน (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุทัศน์ วงศ์กระบากถาวร. (2550). บันเทิงคดีประเภทเรื่องสั้น. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
สุนันท์ จันทร์วิเมลือง. (2551). การเขียนเชิงสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: วัฒนาพานิช.
อารี ถาวรเศรษฐ์. (2546). คติชนวิทยา. กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
Jiang Nannan. (2555). กลวิธีการแต่งและแนวคิดในนวนิยายชุด ความสุขของกะทิ โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการสื่อสารภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ).
Li Zijuan. (2558). กลวิธีการแต่งและแนวคิดในวรรณกรรมบันเทิงคดีสำหรับเด็ก ของ ชมัยภร แสงกระจ่าง. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการสื่อสารภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ).
Yan Hanle. (2558). กลวิธีการแต่งและแนวคิดในเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2556 – 2557. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการสื่อสารภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ).