การพัฒนาทักษะการอ่านตัวโน้ต โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ตตามแนวคิดของ โซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
คำสำคัญ:
ทักษะและชุดฝึกทักษะ, การอ่านตัวโน้ต, โซลตาน, โคดายบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาชุดดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ต ตามแนวคิดของ โซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ตตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เปรียบเทียบทักษะการอ่านตัวโน้ต ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ต ตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ต ตามแนวคิดของโซลตาน
โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพังงูวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี 5 จำนวน 33 คน ได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่
1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกทักษะตามแนวคิดของโซตาน โคดาย จำนวนรูปแบบละ 5 แผน 2)ชุดฝึกทักษะการอ่าน
ตัวโน้ต ตามแนวคิดของโซตาน โคดาย จำนวน 5 ชุด 3) แบบทดสอบทักษะการอ่านตัวโน้ต โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ต ตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินทักษะการอ่านตัวโน้ต เป็นแบบสังเกตที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 5) แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ต ตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ
ผลการวิจัยพบว่า
- การพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ตตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.39/86.76 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ตั้งไว้ 80/80
- ค่าดัชนีประสิทธิผลทักษะการอ่านตัวโน้ต ของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ร่วมกับชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ต ตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 71.08
- นักเรียนที่เรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ตตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย มีทักษะการอ่านตัวโน้ต สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80
- นักเรียนมีความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ทักษะการอ่านตัวโน้ต โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านตัวโน้ตตามแนวคิดของโซลตาน โคดาย โดยมีค่าเฉลี่ยในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x= 4.63, S.D.=0.63)
เอกสารอ้างอิง
จิระพงษ์ปะกาโส. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์ตามทฤษฎีของโซลตาน โคดาย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร
มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม,2562.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. “การสอนดนตรีตามหลักการโคดายและทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน,” Journal of Fine and Applied
Arts Khon Kaen University. 10, 2 (2018): ไม่มีเลขหน้า.
ประพันธ์ศักดิ์ พุ่มอินทร์. “การศึกษาเพื่อสร้างชุดการสอนคีย์บอร์ดเบื้องต้นโดยใช้วิธีการของโคดาย,” วารสารสถาบันวัฒนธรรมและ
ศิลปะ. (2557): ไม่มีเลขหน้า.
วรากร สีโย. “การบรรเลงแซกโซโฟนประกอบการแสดงหมอลำในอีสาน,” วารสารวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค. 5, 1 (2562): 262-280.
มารียา ปัณณะกิจการ. การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านโน้ตตามแนวคิด โคดายสำหรับผู้เรียนเปีย
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2556.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2551.
สุธาสินี ถีระพันธ์. การศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนขับร้องของนักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 ระหว่างกลุ่มที่ใช้วิธีสอนซึ่งปรับปรุงจาก
วิธีสอนดนตรีแบบโคดาย กับกลุ่มที่ใช้วิธีสอนปกติโรงเรียนราชประชานุเคราะห์50 จังหวัดขอนแก่น. มหาสารคาม:
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,2558.
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา, สำนัก. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรุ้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ตามหลักสุตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, 2551.
Hargreaves, D. J., et al. “Musical identities mediate musical development,” Music and music education in people’s
lives. 1 (2018): 124-142.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ