ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย
คำสำคัญ:
ประสิทธิภาพ, งานป้องกันและระงับอัคคีภัย , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย ประชากรเชิงปริมาณ คือ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย จำนวน 68 แห่ง จำนวน 431 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณผู้ให้ข้อมูลสำคัญเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย ท้องถิ่นจังหวัดหนองคาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และนายกเทศมนตรีในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคายรวมจำนวน 11 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก
ผลการวิจัยพบว่า
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคายในภาพรวมมีความสัมพันธ์ระดับปานกลางทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ได้แก่ ด้านความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการจัดระบบการติดต่อสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน ด้านการซักซ้อม ทดสอบระบบต่าง ๆ ด้านการฝึกอบรม ด้านการอพยพประชาชน ด้านการจัดทำปรับปรุงแผนป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ และด้านการจัดให้มีระบบแจ้งเตือน ตามลำดับ การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย ได้แก่ ด้านการจัดระบบการติดต่อสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน และด้านความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 ซึ่งสามารถพยากรณ์ประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัย ได้ร้อยละ 56.00
- แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการป้องกันและระงับอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย ได้แก่ ควรมีการจัดประชุมเพื่อทบทวนแผนป้องกัน และจัดซ้อมเป็นประจำ ทุก ๆ ปี เพิ่มสถานีย่อยเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในการปฏิบัติงานในแต่ละท้องถิ่น สร้างการบูรณาการในการประสานการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างหน่วยงานโดยการนำระบบบัญชาการเหตุการณ์ (ICS) มาจัดการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานที่ปฏิบัติ พัฒนาระบบการติดต่อสื่อสารสายด่วนให้มีความทันสมัยและมีความรวดเร็วในการแจ้งเตือนเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน และสร้างช่องทางการแจ้งเตือนในระบบออนไลน์รวมกับผู้นำชุมชน ตัวแทนอาสาพลเรือน สร้างเครือข่ายในการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติในแต่ละท้องถิ่นพร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนอพยพให้แก่ประชาชนเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัยอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
ชุลีภรณ์ ทรัพย์บุญ. ข้อเสนอนโยบายในการจัดการอัคคีภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดปทุมธานี. การค้นคว้าอิสระรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 2560.
โชคสุข กรกิตติชัย. ทิศทางการปกครองส่วนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: สำนักวิชาการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2561.
ปกรณ์ จันทร์ทรง. การบริหารจัดการงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 2556.
ป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย จังหวัดหนองคาย, สำนักงาน. แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย พ.ศ. 2564. หนองคาย: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดหนองคาย, 2564.
ป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย จังหวัดหนองคาย, สำนักงาน. รายการผลการปฏิบัติงานประจำปี 2565. หนองคาย: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะ, 2565.
มหาดไทย, กระทรวง. คู่มือการจัดการภัยพิบัติ. กรุงเทพฯ: สำนักส่งเสริมการป้องกันสาธารณภัย, 2560.
Kamolvej, T. Handbook of Local Disaster Management. Bangkok: College of Local Government Development, King Prajadhipok’s Institute, 2011.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ