แนวทางการพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพในการเรียนโดยวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน ของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
ปัญหาและอุปสรรคในการเรียนบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน 2) ศึกษาระดับปัญหาและอุปสรรคในการเรียนของนักศึกษา และ 3) เสนอแนวทางการพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพในการเรียนโดยวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการเรียนของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ที่ลงทะเบียนเรียนในปีการศึกษา 2565 จำนวน 387 คน ซึ่งได้โดยการสุ่มแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
- ปัญหาและอุปสรรคในการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยเรียงลำดับจากความถี่มากไปหาน้อย มีดังนี้ นักศึกษาขาดความตั้งใจเรียน ขาดเรียนบ่อย ไม่เข้าใจบทเรียน หรือไมสามารถสอบในวิชาที่เรียนไดอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ปกครองไมสนับสนุนในการเรียน และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว หรือนักศึกษาต้องช่วยงานครอบครัวจนไมสามารถเรียนให้ประสบความสำเร็จได้
- ระดับปัญหาและอุปสรรคในการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับปัญหาและอุปสรรคในการเรียน มากที่สุด คือ ด้านการจัดการเรียนการสอน รองลงมาคือด้านตัวนักศึกษา และด้านสภาพแวดล้อมทางการเรียน ส่วนด้านที่มีระดับปัญหาและอุปสรรคในการเรียนน้อยที่สุดคือ ด้านครอบครัว
- แนวทางการพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพในการเรียนของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ดังนี้ ให้ผู้บริหารมุ่งสร้างความเข้าใจในหลายวิธีการเพื่อให้ผู้สอนเข้าใจในเรื่องดังกล่าวเป็นประการแรกในการสร้างนักศึกษาให้เกิดความอยากเรียนก่อนในเบื้องแรก สร้างสื่อการสอนที่มีมาตรฐานซึ่งอยู่ในความดูแลของผู้บริหารคณะ ถือเป็นการยกระดับคุณภาพทางวิชาการได้เป็นอย่างดี และปรับปรุงให้ตอบสนองความเข้าใจของนักศึกษาและเป็นแนวทางบังคับทางอ้อมให้อาจารย์อุทิศตนในการสอนมากกว่าใช้เวลาในการทำกิจกรรมอย่างอื่น
เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553.
เทื้อน ทองแก้ว. สมรรถนะ (Competency): หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต, 2550.
ประเสริฐ สิทธิจิรพัฒน์. ผลของการสอนแบบกรณีศึกษาที่มีต่อผลการเรียนรู้ของนักศึกษาในรายวิชา HRM 359 การพัฒนาองค์การ คณะบริหารธุรกิจ. กรุงเทพฯ: คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2557.
ปรียา สมพืช. “การจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนด้วยกรณีศึกษา,” วารสารวิจัยราชภัฏพระนคร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. 11, 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2559): 260-270.
พินิจ ทิพย์มณี และวรนุช ปัญจะวัตร. วิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการเรียนของนักศึกษาปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 2552.
ภัทรจิตติ บุรีเพีย และคณะ. “คุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน,” วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์. 8, 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2561): 237-250.
ยุทธนา กาเด็น. “แนวทางการปรับปรุงการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนแบบมีส่วนร่วม,” การประชุมวิชาการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและสังคม (CSD สัมพันธ์) ระดับชาติ ครั้งที่ 20 University Engagement; วันที่ 30 กค.-1 สค.2564 ผ่านระบบออนไลน์ CISCO Webex meetings. สงขลา: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ, หน้า138-145.
อรทัย สุจิตประภากร. บทบาทของการศึกษาต่อความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2547.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ